ในประวัติศาสตร์โลก มีการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ในหลายประเทศทั่วโลก สาเหตุการล่มสลายของราชวงศ์อาจเป็นผลมาจากการปฏิวัติ, การตั้งสาธารณรัฐ, การลงประชามติของประชาชน, การรัฐประหาร หรือจากสงคราม
พระบรมวงศานุวงศ์ที่เหลือรอดมาจากการล้มล้างก็ยังคงใช้คำนำหน้าพระนามเป็นพระอิสริยยศที่เคยดำรงอยู่ เช่น เจ้าหญิงเฮวอนแห่งเกาหลี ก็ยังคงใช้คำนำหน้าพระนามหรือพระอิสริยศว่า "จักรพรรดินีแห่งเกาหลี" ยังรอการหวนคืนสู่ราชบัลลังก์
บางประเทศในปัจจุบันก็มีเสียงเรียกร้องให้ฟื้นฟูราชวงศ์ขึ้นมาใหม่ เช่นที่ สาธารณรัฐเกาหลี, สาธารณรัฐออสเตรีย และสาธารณรัฐฮังการี เป็นต้น
นอกจากนี้ก็ยังมีการสิ้นสุดลงของพระราชวงศ์ที่ไม่ได้เกิดจากรัฐประหารหรือสาเหตุอื่น ๆ แต่เนื่องจากพระมหากษัตริย์ของประเทศนั้นไม่มีองค์รัชทายาทหรือผู้สืบทอดราชบัลลังก์ เช่น ซามัว
ตัวอย่างของการล้มล้างพระราชวงศ์เช่น
ในปี ค.ศ. 1649 พระราชวงศ์อังกฤษ โดยรัฐสภาแห่งอังกฤษภายใต้การนำของ โอลิเวอร์ ครอมเวลล์ แต่ก็ได้มีการฟื้นฟูภายหลังในปี ค.ศ. 1660
พระราชวงศ์ฝรั่งเศสถูกล้มล้างในปี ค.ศ. 1792 ในระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส และก็ได้มีการฟื้นฟูในภายหลังหลายครั้งแต่สุดท้ายฝรั่งเศสก็ได้กลายเป็นสาธารณรัฐ ,
ในปี ค.ศ. 1871 ราชวงศ์จีนอันเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานก็ถูกล้มล้างและพระจักรพรรดิก็ถูกถอดถอน ซึ่งพระจักรพรรดิองค์สุดท้ายของจีนก็คือ จักรพรรดิผู่อี๋ โดยการปฏิวัติของ ซุน ยัตเซ็น,
สมเด็พระจักรพรรดิโกจงแห่งเกาหลี พระจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งจักรวรรดิเกาหลีก็สูญเสียราชบัลลังก์ในปี ค.ศ. 1910 เมื่อจักรวรรดิญี่ปุ่นเข้ายึดครองเกาหลีและให้พระราชวงศ์ญี่ปุ่นดำรงเป็นพระประมุขแห่งเกาหลีสืบต่อแทน
มองโกเลีย หลังจากพระมหากษัตริย์ได้สวรรคตลง มองโกเลียก็ได้กลายเป็นสาธารณรัฐ
ในปี ค.ศ. 1893 ผู้นำของกระทรวงการค้าต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรฮาวาย ก็ได้ทำการยึดอำนาจจากสมเด็จพระราชินีนาถแห่งราชอาณาจักรฮาวาย และได้ก่อตั้งเป็นสาธารณรัฐจนเข้าร่วมเป็นรัฐสมาชิกรัฐหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1898,
พระราชวงศ์โปรตุเกสก็ถูกล้มล้างในปี ค.ศ. 1910 สองปีหลังจากการสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าคาร์ลอสที่ 1 แห่งโปรตุเกส
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ได้เกิดการล้มล้างอำนาจของพระราชวงศ์ทั่วโลกครั้งใหญ่ เช่น
จักรวรรดิรัสเซียภาวะความอดอยากและยากจนของประเทศจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ได้ทำให้เกิดการปฏิวัติยึดอำนาจพระราชวงศ์รัสเซีย และได้ก่อให้เกิดลัทธิคอมมิวนิสต์ ที่เน้นการต้อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งภายหลังได้ทำการสังหารหมู่พระราชวงศ์รัสเซีย
ส่วนประเทศที่ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสิ้นสุดลง ได้แก่ จักรวรรดิเยอรมัน, จักรวรรดิออสเตรีย - ฮังการี, และจักรวรรดิออตโตมาน ในระหว่างสงครามพระราชวงศ์บางแห่งก็มีแผนที่จะประกาศเอกราชและก่อตั้งราชวงศ์เช่น แกรนด์ดัชชีฟินแลนด์ และที่ ลิทัวเนีย รวมทั้งรัฐในอารักขา และอาณานิคมบางแห่งของจักรวรรดิเยอรมัน ซึ่งทั้งพระมหากษัตริย์แห่งฟินแลนด์และลิทัวเนีย ก็ได้สละราชบัลลังก์ภายหลังการพ้ายแพ้ของเยอรมัน ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918
ในปี ค.ศ. 1939 ราชอาณาจักรอิตาลี ก็ได้เข้ายึดครองแอลเบเนียซึ่งได้ทำการล้มล้างพระราชวงศ์แอลเบเนีย และสถาปนาพระราชวงศ์อิตาลีขึ้นเป็นพระประมุขแห่งแอลเบเนีย ตลอดจนพระราชวงศ์ของยุโรปตะวันออก เช่นพระราชวงศ์บัลแกเรีย, ฮังการี และโรมาเนีย ก็ได้เข้าร่วมกับฝ่ายอักษะของเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อต้านราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย, ฝ่ายสัมพันธมิตร และสหภาพโซเวียต
ในขณะที่ฝ่ายอักษะกำลังพ้ายแพ้ในสงคราม แนวร่วมของลัทธิคอมมิวนิสต์ทั้งใน ยูโกสลาเวีย และแอลเบเนีย ก็ได้ทำการยึดอำนาจและล้มล้างพระราชวงศ์ของทั้งสองประเทศลง ส่วนลัทธิคอมมิวนิสต์ในบัลแกเรีย, ฮังการี และโรมาเนีย ก็ได้ทำการล้มล้างพระราชวงศ์ของตนโดยกองกำลังอันแข็งแกร่งของสหภาพโซเวียต ที่มีทั้งอาวุธและผู้สนับสนุนเป็นจำนวนมากในระหว่างการดำเนินไปของสงครามโลกครั้งที่สอง
ในขณะที่พระมหากษัตริย์แห่งอิตาลีก็ได้ทำการสลับข้างจากฝ่ายอักษะเป็นฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงสงครามจากความอนุเคราะห์ของฝ่ายสัมพันธมิตร แต่ถึงอย่างไรก็ตามพระราชวงศ์อิตาลีก็สิ้นสุดลงจากการลงประชามติของประชาชนชาวอิตาลีในปี ค.ศ. 1946 เช่นกัน
แต่มีพระมหากษัตริย์แห่งเดียวในโลกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่ถึงแม้จะพ้ายแพ้ในสงคราม แต่พระราชวงศ์ก็มิได้ถูกล้มล้างนั้นคือ สมเด็จพระจักรพรรดิโชวะแห่งญี่ปุ่น ที่ถึงแม้จะเป็นผู้ให้การต่อต้านการทำสงครามแต่ก็เป็นผู้คุมอำนาจสำคัญของการทำศึกต่อต้านฝ่ายสัมพันธมิตร ที่ยินยอมให้สหรัฐอเมริกาเข้าควบคุมญี่ปุ่นแทนการถูกนำตัวไปขึ้นศาลโลกในฐานะอาชญากรสงครามและล้มล้างพระราชวงศ์ญี่ปุ่น แต่ทว่าตระกูลเจ้าชายต่างๆ ในระบบศักดินาได้ถูกทำลายแทน
ในราชอาณาจักรกรีซ สมเด็จพระราชาธิบดีและพระราชวงศ์ก็ถูกเนรเทศโดยกองทัพจากการรัฐประหาร ในปี ค.ศ. 1967 ถึงแม้จะมีการฟื้นฟูในภายหลังแต่ก็ถูกล้มล้างอีกครั้งจากการลงประชามติของประชาชนในปี ค.ศ. 1974
ระบอบราชาธิปไตยในอินเดีย, เคนยา, แทนซาเนีย, แซมเบีย และซิมบับเว ถูกล้มลงไม่นานหลังจากได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักร หลังจากที่ก่อนหน้านี้ในขณะที่เป็นรัฐสมาชิกของเครือจักรภพแห่งชาติได้มีสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เป็นพระประมุขมาโดยตลอด
ประเทศ | พระรูป | พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้าย | ปี | หมายเหตุ | |||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ทศวรรษ 1880 | |||||||
![]() |
จักรวรรดิบราซิล | ![]() |
สมเด็จพระจักรพรรดิเปดรูที่ 2 แห่งบราซิล | ค.ศ. 1889 | เกิดการปฏิวัติ | ||
![]() |
ราชอาณาจักรฮาวาย | ![]() |
สมเด็จพระราชินีนาถลีลีโอกาลานีแห่งฮาวาย | ค.ศ. 1895 | สถาปนาสาธารณรัฐฮาวาย | ||
ทศวรรษ 1910 | |||||||
![]() |
สหราชอาณาจักรสวีเดน-นอร์เวย์ | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าออสการ์ที่ 2 | ค.ศ. 1901 | ประกาศแยกราชวงศ์ | ||
![]() |
วีลายาห์แห่งบอสเนีย | ![]() |
สุลต่านอับดุล ฮามิดที่ 2 | ค.ศ. 1908 | รวบเข้ากับออสเตรีย-ฮังการี | ||
![]() |
ราชอาณาจักรโปรตุเกส | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าเอ็มมานูเอลที่ 2 | ค.ศ. 1910 | เกิดการปฏิวัติ | ||
![]() |
จักรวรรดิเกาหลี | ![]() |
ซุนจง | ค.ศ. 1910 | ล้มล้างพระราชวงศ์โดยจักรวรรดิญี่ปุ่นและมีพระราชวงศ์ญี่ปุ่นเป็นประมุขตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 | ||
![]() |
จักรวรรดิจีน | ![]() |
สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ | ค.ศ. 1912 | การปฏิวัติซินไฮ่ – พระจักรพรรดิถูกถอดถอนโดยขุนศึกและนักสาธารณรัฐนิยม | ||
![]() |
ราชรัฐแอลเบเนีย | ![]() |
เจ้าชายวิลเลี่ยมที่ 1 | ค.ศ. 1914 | ถูกล้มล้างลงแต่ก็ได้มีการฟื้นฟูขึ้นในปี ค.ศ. 1928 (ราชอาณาจักรแอลเบเนีย) | ||
![]() |
จักรวรรดิรัสเซีย | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 | ค.ศ. 1917 | การปฏิวัติรัสเซีย | ||
![]() |
ราชอาณาจักรมอนเตเนโกร | ![]() |
สมเด็จพระเจ้านิกอลาที่ 1 แห่งมอนเตเนโกร | ค.ศ. 1918 | ลงประชามติให้ถอดถอนพระราชาและรวมประเทศเข้ากับราชอาณาจักรเซอร์เบีย | ||
![]() |
จักรวรรดิเยอรมัน | ![]() |
สมเด็จพระจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 | รัฐสมาชิกของจักรวรรดิเยอรมันทั้งหมดพ้ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และจากการปฏิวัติเยอรมัน | |||
![]() |
ราชอาณาจักรปรัสเซีย | ||||||
![]() |
ราชอาณาจักรบาวาเรีย | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าลุกวิกที่ 3 | ||||
![]() |
ราชอาณาจักรเวือร์ทเทิมแบร์ค | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าวิลเฮล์มที่ 2 | ||||
![]() |
ราชอาณาจักรแซกโซนี | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าฟรีดริช ออกัสที่ 3 | ||||
![]() |
แกรนด์ดัชชีเฮสเซอ | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าเอิร์นส์ ลุดวิกที่ 1 | ||||
![]() |
ราชรัฐบาเดิน | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าฟรีดริชที่ 2 | ||||
![]() |
ราชรัฐแซก-ไวมาร์-ไอเซนาร์ช | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าวิลเฮล์ม เอิร์นส์ที่ 1 | ||||
![]() |
ราชรัฐแมคเคลนบวร์ก-เชสวริน | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าฟรีดริช ฟรานส์ที่ 4 | ||||
![]() |
ราชรัฐเม็คเคลนบวร์ก-สเตรอลิตส์ | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าอดอลฟัส เฟรเดอริคที่ 6 | ||||
![]() |
รัฐโอลเดนบวร์ก | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าฟรีดริช ออกัสที่ 2 | ||||
![]() |
ดัชชีบรุนส์วิก | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าเอิร์นส์ ออกัสที่ 1 | ||||
![]() |
รัฐอันฮัลต์ | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าโจอาชิม เอิร์นส์ที่ 1 | ||||
![]() |
ดัชชีแซชเซน-โคบูร์กและโกธา | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าคาร์ล เอ็ดการ์ดที่ 1 | ||||
![]() |
รัฐแซก-เมนนิเจน | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าเบิร์นฮาร์ทที่ 3 | ||||
ราชรัฐแซก-อัลเทนบวร์ก | ![]() |
ดยุคเอิร์นส์ที่ 2 | |||||
![]() |
รัฐวัลด์เดค-พีรมอนต์ | ![]() |
เจ้าชายฟรีดริชที่ 1 | ||||
![]() |
ราชรัฐลิปป์ | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าลีโอโพลด์ที่ 4 | ||||
![]() |
รัฐชควกควมเบิร์ก-ลิปป์ | ![]() |
เจ้าชายอดอล์ฟที่ 2 | ||||
![]() |
รัฐเชควาร์ทบูร์ก-รูดอลสติตซ์ | ![]() |
เจ้าชายกุนเตอร์ วิคเตอร์ที่ 1 | ||||
รัฐเชควาร์ทบูร์ก-ซอนเดอร์ฮุสเซน | |||||||
![]() |
เรอสส์ สายหลัก | ||||||
![]() |
เรอสส์ สายรอง | ||||||
![]() |
จักรวรรดิออสเตรีย | ![]() |
สมเด็จพระจักรพรรดิคาร์ลที่ 1 | ถูกถอดถอนและล้มล้างพระราชวงศ์ | |||
![]() |
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี | ||||||
![]() |
ราชอาณาจักรฟินแลนด์ | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าเฟรเดอริค ชาร์ลส์ที่ 1 | ขึ้นเสวยราชย์ได้1ปี | |||
![]() |
ราชอาณาจักรลิทัวเนีย | ![]() |
สมเด็จพระเจ้ามินดัวกัส (ว่าที่พระมหากษัตริย์) |
ไม่เคยได้ขึ้นเสวยราชย์ | |||
![]() |
ราชอาณาจักรโปแลนด์ | - | ไม่มี (สำเร็จราชการโดยคณะผู้สำเร็จราชการแทน) | ไม่มีผู้สืบทอดราชบัลลังก์ | |||
![]() |
ราชอาณาจักรบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา | ![]() |
สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 4 | รวมชาติกับราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย | |||
![]() |
ราชอาณาจักรโครเอเชียและสลาโวเนีย | ![]() |
สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 4 | รวมชาติกับรัฐแห่งชาวสโลวีน โครแอต และเซิร์บ | |||
![]() |
ราชอาณาจักรฮังการี | ![]() |
สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 4 | แม้จะฟื้นฟูในปี ค.ศ. 1920 แต่ก็เหลือไว้เพียงราชบัลลังก์อันว่างเปล่ากับผู้สำเร็จราชการแทน | |||
![]() |
ราชอาณาจักรเซอร์เบีย | ![]() |
สมเด็จพระราชาธิบดีปีเตอร์ที่ 1 | เปลี่ยนเป็นราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย | |||
ทศวรรษ 1920 | |||||||
![]() |
ราชอาณาจักรอิสลามบูคารา(อุซเบกิสถาน) | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าโมฮัมเม็ด อาลิม คาห์น | ค.ศ. 1920 | — | ||
![]() |
เขตปกครองของข่านแห่งคิวา(อุซเบกิสถาน) | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าอับดุลเลาะห์ คาห์น | — | |||
![]() |
ราชอาณาจักรซีเรีย | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าฟัยศ็อลที่ 1 ประมุขร่วมกับราชอาณาจักรอิรัก |
ค.ศ. 1920 | ระบอบกษัตริย์ถูกล้มล้างจากการพ่ายแพ้ในการปิดล้อมที่ดามัสกัส ภายหลังได้มีการฟื้นฟู |
||
![]() |
จักรวรรดิออตโตมัน | ![]() |
สุลต่านเมห์เมดที่ 6 | ค.ศ. 1922 | สงครามประกาศอิสรภาพตุรกีจากการตัดสินใจของรัฐบาลอังการาในปี ค.ศ. 1922 | ||
![]() |
ราชอาณาจักรกรีซ | ![]() |
สมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จที่ 2 | มีการฟื้นฟูพระราชวงศ์ในปี ค.ศ. 1935แต่ต่อมาก็ถูกถอดถอนออกจาพระอิสริยยศอีกครั้งในปี ค.ศ. 1974 | |||
![]() |
มองโกเลีย | ![]() |
บอจด์ ข่าน | ถูกยึดอำนาจ | |||
ทศวรรษ 1930 | |||||||
![]() |
ราชอาณาจักรสเปน | ![]() |
สมเด็จพระราชาธิบดีอัลฟอนโซที่ 13 | ค.ศ. 1931 | ภายหลังได้มีการฟื้นฟูพระราชวงศ์ขึ้นมาอีกครั้ง | ||
![]() |
ราชอาณาจักรแอลเบเนีย | ![]() |
สมเด็จพระราชาธิบดีซ็อกที่ 1 | ค.ศ. 1939 | ราชบัลลังก์ถูกยึดโดยพระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 3 แห่งอิตาลีหลังจากการรุกรานโดยอิตาลี | ||
ทศวรรษ 1940 | |||||||
![]() |
ราชอาณาจักรแอลเบเนีย | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 3 | ค.ศ. 1943 | ทรงสละราชบัลลังก์จากการสงบศึก | ||
![]() |
ราชอาณาจักรโครเอเชีย | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าโทมิสลาฟว์ที่ 2 | ค.ศ. 1943 | สละราชสมบัติภายหลังจากการบีบบังคับที่ราชอาณาจักรอิตาลีให้การสนับสนุน | ||
![]() |
ราชอาณาจักรยูโกสลาเวีย | ![]() |
สมเด็จพระราชาธิบดีปีเตอร์ที่ 2 | โค่นล้มโดยนาซีเยอรมัน | |||
![]() |
ราชอาณาจักรไอซ์แลนด์ | ![]() |
สมเด็จพระราชาธิบดีคริสเตียนที่ 10 | ค.ศ. 1944 | การเป็นสหพันธรัฐกับเดนมาร์กสิ้นสุดลง | ||
![]() |
จักรวรรดิแมนจู | ![]() |
สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ | ค.ศ. 1945 | จักรวรรดิกลายเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐจีนหลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิ | ||
![]() |
ราชอาณาจักรฮังการี | - | ไม่มี (ผู้สำเร็จราชการแทน) | ค.ศ. 1946 | ตัดสินใจให้เปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐโดยรัฐสภาโดยปราศจากการลงประชามติ | ||
![]() |
ราชอาณาจักรอิตาลี | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าอุมแบร์โตที่ 2 | ผลจากการลงประชามติ 54.3% ให้เปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐ | |||
![]() |
ราชอาณาจักรบัลแกเรีย | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าซาร์ซิเมออนที่ 2 | การลงประชามติที่ริเริ่มโดยสหภาพโซเวียต ซึ่งผลอย่างเป็นทางการ 95% เห็นชอบสาธารณรัฐ | |||
![]() |
ราชอาณาจักรซาราวัก | ![]() |
ชาร์ลส์ ไวเนอร์ บรู๊ค | ราชามอบอำนาจให้อังกฤษ | |||
![]() |
ราชอาณาจักรโรมาเนีย | ![]() |
สมเด็จพระราชาธิบดีไมเคิลที่ 1 | ค.ศ. 1947 | บังคับให้สละราชสมบัติโดยพวกคอมมิวนิสต์ | ||
![]() |
ราชอาณาจักรไอร์แลนด์ | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 | ค.ศ. 1949 | การเป็นสหราชอาณาจักรกับบริเตนใหญ่ สิ้นสุดลง | ||
ทศวรรษ 1950 | |||||||
![]() |
จักรวรรดิอินเดีย | ![]() |
สมเด็จพระจักรพรรดิจอร์จที่ 6 | ค.ศ. 1950 | ถอนตัวออกจากเครือจักรภพแห่งชาติที่มีพระมหากษัตริย์แห่งอังกฤษเป็นพระประมุข | ||
![]() |
ราชอาณาจักรอียิปต์ | ![]() |
พระเจ้าฟูอัดที่ 2 | ค.ศ. 1953 | การปฏิวัติ ค.ศ. 1952 | ||
![]() |
จักรวรรดิเวียดนาม | ![]() |
สมเด็จพระจักรพรรดิบ๋าว ดั่ย | ค.ศ. 1955 | แบ่งประเทศและลงประชามติ | ||
![]() |
รัฐปากีสถาน | ![]() |
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 | ค.ศ. 1956 | ถอนตัวออกจากเครือจักรภพแห่งชาติ | ||
![]() |
ราชอาณาจักรตูนิเซีย | ![]() |
พระเจ้ามูฮัมหมัดที่ 8 อัล-อามินแห่งตูนิเซีย | ค.ศ. 1957 | รัฐประหาร | ||
![]() |
ราชอาณาจักรอิรัก | ![]() |
พระเจ้าฟัยศ็อลที่ 2 | ค.ศ. 1958 | |||
ทศวรรษ 1960 | |||||||
![]() |
กานา | ![]() |
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 | ค.ศ. 1960 | ถอนตัวออกจากเครือจักรภพแห่งชาติ | ||
![]() |
สหพันธรัฐแอฟริกาใต้ | ค.ศ. 1961 | |||||
![]() |
ราชอาณาจักรรวันดา | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าคิเกลิที่ 5 | รัฐประหาร | |||
![]() |
แทนกันยิกา | ![]() |
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 | ค.ศ. 1962 | ถอนตัวออกจากเครือจักรภพแห่งชาติ | ||
![]() |
ราชอาณาจักรมุตาวัคคิไลต์เยเมน | ![]() |
สุลต่านมูฮัมมัดที่ 11 | รัฐประหาร | |||
![]() |
ไนจีเรีย | ![]() |
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 | ค.ศ. 1963 | ถอนตัวออกจากเครือจักรภพแห่งชาติ | ||
![]() |
ยูกันดา | ||||||
![]() |
เคนยา | ค.ศ. 1964 | |||||
![]() |
แซนซิบาร์ | ![]() |
สุลต่านจามชิด บิน อับดุลลาห์ | รัฐประหาร | |||
![]() |
ราชอาณาจักรบุรุนดี | ![]() |
สมเด็จพระเจ้านทาร์ที่ 5 | ค.ศ. 1966 | |||
![]() |
มาลาวี | ![]() |
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 | ถอนตัวออกจากเครือจักรภพแห่งชาติที่มีพระมหากษัตริย์แห่งอังกฤษเป็นพระประมุข | |||
![]() |
ราชอาณาจักรมัลดีฟส์ | ![]() |
สมเด็จพระราชาธิบดีมูฮัมมัด ฟารีด ดิดิ | ค.ศ. 1968 | การลงประชามติ | ||
![]() |
ราชอาณาจักรลิเบีย | ![]() |
สมเด็จพระเจ้าไอดริสที่ 1 | ค.ศ. 1969 | รัฐประหาร | ||
ทศวรรษ 1970 | |||||||
![]() |
ราชอาณาจักรกัมพูชา | ![]() |
พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหนุ | ค.ศ. 1970 | ภายหลังมีการฟื้นฟู | ||
![]() |
แกมเบีย | ![]() |
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 | ถอนตัวออกจากเครือจักรภพแห่งชาติที่มีพระมหากษัตริย์แห่งอังกฤษเป็นพระประมุข | |||
![]() |
กายอานา | ||||||
![]() |
เซียร์ราลีโอน | ค.ศ. 1971 | |||||
![]() |
ซีลอน (ศรีลังกา) | ค.ศ. 1972 | ถอนตัวออกจากเครือจักรภพแห่งชาติที่มีพระมหากษัตริย์แห่งอังกฤษเป็นพระประมุข | ||||
![]() |
ราชอาณาจักรอัฟกานิสถาน | ![]() |
สมเด็จพระเจ้ามูฮัมเม็ด ซาฮีร์ ชาห์ | ค.ศ. 1973 | รัฐประหาร | ||
![]() |
เอธิโอเปีย | ![]() |
สมเด็จพระจักรพรรดิเฮลี เซลาสซีที่ 1 | ค.ศ. 1974 | |||
![]() |
ราชอาณาจักรกรีซ | ![]() |
สมเด็จพระราชาธิบดีคอนสแตนตินที่ 2 | การลงประชามติผลออกมาคือ 69% ต้องการให้เปลี่ยนระบอบการปกครอง | |||
![]() |
มอลตา | ![]() |
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 | ถอนตัวออกจากเครือจักรภพแห่งชาติที่มีพระมหากษัตริย์แห่งอังกฤษเป็นพระประมุข | |||
![]() |
ราชอาณาจักรลาว | ![]() |
พระบาทสมเด็จพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา | ค.ศ. 1975 | รัฐประหาร | ||
![]() |
รัฐสิกขิม | ![]() |
ปาร์ลเดน ทอนดับ นามกยาล | การลงประชามติผลออกมาว่า 97% ต้องการให้เป็นรัฐสมาชิกรัฐหนึ่งของอินเดีย | |||
![]() |
ตรินิแดดและโตบาโก | ![]() |
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 | ค.ศ. 1976 | ถอนตัวออกจากเครือจักรภพแห่งชาติที่มีพระมหากษัตริย์แห่งอังกฤษเป็นพระประมุข | ||
![]() |
จักรวรรดิอิหร่าน | ![]() |
สมเด็จพระราชาธิบดีมูฮัมมัด เรซา ปาห์เลวี | ค.ศ. 1979 | การปฏิวัติอิสลาม | ||
![]() |
จักรวรรดิแอฟริกากลาง | ![]() |
สมเด็จพระจักรพรรดิโบคัสซาที่ 1 | รัฐประหาร | |||
ทศวรรษ 1980 | |||||||
![]() |
ฟิจิ | ![]() |
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 | ค.ศ. 1987 | ถอนตัวออกจากเครือจักรภพแห่งชาติ | ||
ทศวรรษ 1990 | |||||||
![]() |
มอริเชียส | ![]() |
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 | ค.ศ. 1992 | ถอนตัวออกจากเครือจักรภพแห่งชาติ | ||
ทศวรรษ 2000 | |||||||
![]() |
ซามัว | ![]() |
มาลีเอตัว ตานุมาฟิลิที่ 2 | ค.ศ. 2007 | ไม่มีผู้สืบทอดราชบัลลังก์ | ||
![]() |
ราชอาณาจักรเนปาล | ![]() |
สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทรวีรวิกรมศาหเทวะ | ค.ศ. 2008 | ถอดถอนพระราชวงศ์และเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐ |
ประเทศ | ปีที่ล้มล้าง | หมายเหตุ | ปีที่ฟื้นฟู | |
---|---|---|---|---|
![]() ![]() ![]() |
ราชอาณาจักรอังกฤษสกอตแลนด์ และไอร์แลนด์ | ค.ศ. 1649 | เปลี่ยนผ่านมาจากเครือจักรภพแห่งอังกฤษและการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ | ค.ศ. 1660 |
![]() |
ราชอาณาจักรสเปน | ค.ศ. 1873 | เปลี่ยนผ่านมาจากสาธารณรัฐสเปนที่ 1 | ค.ศ. 1874 |
ค.ศ. 1931 | เปลี่ยนผ่านมาจากสาธารณรัฐสเปนที่ 2 แล้วจากนั้นจึงเกิดการฟื้นฟูในปี 1947 ซึ่งการฟื้นฟูมาจากคำสั่งเสียของจอมพลฟรันซิสโก ฟรังโก | ค.ศ. 1975 | ||
![]() |
อันโกเล | ค.ศ. 1967 | ถูกล้มล้างจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของ มิลตัน โอเบเต | ค.ศ. 1993 |
![]() |
บูกันดา | |||
![]() |
บุนโยโร | |||
![]() |
โตโร | |||
![]() |
ราชอาณาจักรกัมพูชา | ค.ศ. 1970 | เกิดการรัฐประหาร | ค.ศ. 1975 |
ค.ศ. 1976 | หลังจากการล้มล้างสองครั้งท้ายที่สุดก็ได้มีการฟื้นฟูอีกครั้งในปี ค.ศ. 1993 | ค.ศ. 1993 | ||
![]() |
รเวนซูรูรู (ส่วนหนึ่งของยูกันดา) | ค.ศ. 1982 | ถูกล้มเลิกโดยรัฐบาล | ค.ศ. 2009 (พฤตินัย) |