วันแรงงาน ( Labour Day) เป็นวันหยุดประจำปีให้ผู้ใช้แรงงาน ได้หยุดไปทำการเฉลิมฉลอง เป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวของสหภาพแรงงาน เพื่อที่จะฉลองผลงานทางการเศรษฐกิจ และสังคมของผู้ใช้แรงงาน
แต่เดิมวันแรงงาน หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า “เมย์เดย์” เป็นวันเริ่มต้นการเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ ที่เกษตรกรในประเทศแถบยุโรปจะหยุดงาน เพื่อจัดพิธีเฉลิมฉลองและบวงสรวงเทพเจ้าแห่งการเกษตร ต่อมาไม่นานเมื่อเศรษฐกิจหลักของประเทศพัฒนา เปลี่ยนจากเกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรม ประเพณีวันหยุดประจำปีจึงถูกยกเลิก ขณะที่แรงงานมนุษย์ถูกมองเสมือนเครื่องจักรประเภทหนึ่ง ที่ทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน วันละ 10-16 ชั่วโมง ในสิ่งแวดล้อมที่ย่ำแย่ ด้วยเหตุนี้ประชาชนในสหราชอาณาจักรจึงเริ่มเรียกร้องการปรับปรุงเวลา และเงื่อนไขการทำงาน ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “วันแปดชั่วโมง” หรือ “Eight-hour day” ในปี พ.ศ. 2360
พาเหรดวันแรงงานในโทรอนโตในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1900 : ภาพ วิกิพีเดีย
ในปี 2399 หรืออีก 39 ปีต่อมา แรงงานชาวออสเตรเลียก็พร้อมใจกันประกาศให้วันที่ 21 เมษายน เป็นวันหยุดประจำปีของแรงงานทุกคน เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ต่อสู้ในวันแปดชั่วโมง และต่อมาสหพันธ์สหภาพแรงงานจึงประกาศให้วันที่ 1 พฤษภาคม 2429 เป็นวันระลึกวันแปดชั่วโมงทั่วโลก
ในปี 2432 (ค.ศ. 1889) ขบวนการแรงงานสากลที่ 2 (Second International, Socialist International) ได้กำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันแรงงาน บ้างก็เรียกว่าวันแรงงานสากล หรือเมย์เดย์ (May Day) เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์การต่อสู้เพื่อสิทธิแรงงานในเหตุการณ์จลาจลเฮย์มาร์เก็ต (Haymarket Riot) ในชิคาโก สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2429 (ค.ศ. 1886)
เหตุการณ์ดังกล่าว เริ่มต้นจากการนัดหยุดงานของสหภาพแรงงานที่บริษัทแมคคอร์มิกฮาเวสติงแมชชีนคอมพานี (McCormick Harvesting Machine Company) อันเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ระดับชาติเพื่อเรียกร้องให้กำหนดเพดานชั่วโมงทำงานที่วันละ 8 ชั่วโมง ในวันที่ 3 พฤษภาคมมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 3 คน หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังเข้าแทรกแซงเพื่อปกป้องแรงงานที่มาทำงานหลังการประกาศนัดหยุดงานของสหภาพ และข่มขู่กลุ่มแรงงานที่พากันหยุดงาน เพื่อตอบโต้การใช้ความรุนแรงของตำรวจ ผู้นำแรงงานได้เรียกนัดชุมนุมใหญ่ในวันถัดมาที่จัตุรัสเฮย์มาเก็ต
การชุมนุมในครั้งนั้น ผู้ว่าชิคาโก (ในสมัยนั้น) คาร์เตอร์ แฮร์ริสัน (Carter Harrison) ซึ่งเข้าสังเกตการณ์การชุมนุมด้วยระบุว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ แต่เมื่อแฮร์ริสันและผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เริ่มเดินทางกลับ เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มหนึ่งได้เดินทางมายังจุดชุมนุมออกคำสั่งให้ผู้ชุมนุมสลายตัวทันที ถึงจุดนี้มีมือดีปาระเบิดเข้ามาทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 7 ราย เจ้าหน้าที่ตอบโต้ด้วยการกราดยิงอย่างไม่เลือกหน้าใส่ผู้ชุมนุม หลังเหตุสงบมีการประเมินว่า พลเรือนน่าจะเสียชีวิตราว 4-8 ราย เจ็บอีก 30-40 คน ส่วนมือระเบิดไม่สามารถระบุตัวได้
เหตุจลาจลที่เฮย์มาร์เก็ตทำให้เกิดภาวะหวาดระแวงต่อบรรดาผู้อพยพและผู้นำแรงงาน ท่ามกลางการตื่นตระหนก ออกัสต์ สปายส์ (August Spies) ผู้นำแรงงานและสมาชิกฝ่ายอนาคิสต์อีก 7 รายถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆาตกรรม บนฐานที่อ้างว่าพวกเขาคือผู้สมรู้ร่วมคิดหรือให้ความช่วยเหลือผู้ก่อเหตุที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร และแม้พวกเขาจะไม่ได้ปรากฏตัวในการชุมนุมเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมเลยก็ตาม แต่สปายส์และพวกอีก 3 คนก็ถูกจับแขวนคอในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2430 (ค.ศ.1887)
ในขณะที่นานาชาติยกย่องการต่อสู้เพื่อสิทธิแรงงานในเหตุการณ์ดังกล่าว แต่สหรัฐฯมองเห็นถึงภัยคุกคามของพวกอนาธิปไตยและสังคมนิยม ในปี 2437 (ค.ศ.1894) ประธานาธิบดี (ในขณะนั้น) โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ (Grover Cleveland) ได้ประกาศให้วันจันทร์แรกของเดือนกันยายนเป็นวันแรงงานแห่งชาติ แม้ว่าฝ่ายแรงงานหัวรุนแรงจะพยายามรื้อฟื้นการถือวันเมย์เดย์เป็นวันแรงงานเป็นระยะ แต่สหภาพแรงงานส่วนใหญ่ในสหรัฐฯไม่เอาด้วย
“คนพวกนี้เขาไม่มองว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการสากล” จาคอบ รีมีส (Jacob Remes) ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์แรงงานจากมหาวิทยาลัยสเตทยูนิเวอร์ซิตีออฟนิวยอร์กเอ็มไพร์สเตทคอลเลจ (State University of New York Empire State College) กล่าวทั้งนี้จากรายงานของ International Business Times “พวกเขาเป็นแรงงานผิวขาวมีทักษะ คนกลุ่มนี้มีความเป็นอนุรักษ์นิยมมากกว่า การรวมกลุ่มของพวกเขาเป็นไปในลักษณะเพื่อการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป”
จนถึงปี 2447 ระหว่างการประชุมสังคมนิยมระหว่างประเทศที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ก็เกิดกรณีเรียกร้อง ให้องค์กรพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยและสหภาพแรงงานทั่วโลก ประท้วงเรียกร้องสิทธิแรงงานในวันที่ 1 พฤษภาคม และกำหนดให้องค์กรกรรมการทั่วโลกหยุดทำงานในวันเดียวกัน
ในปี พ.ศ. 2499 รัฐบาลได้ มีการขยายกิจการด้านแรงงานสัมพันธ์มากขึ้น และประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับแรกในปี พ.ศ. 2508 และในปีเดียวกันนั้นได้มีการจัดตั้งกรมแรงงานขึ้น อีกทั้งประกาศใช้ พระราชบัญญัติกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน ปัจจุบัน การบริหารแรงงานอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงแรงงาน และสวัสดิการสังคม
ประเทศทั่วโลกที่หยุด และฉลองกันในวันแรงงาน
รายชื่อดังต่อนี้คือประเทศที่ฉลองในวันที่ 1 พฤษภาคม