(1) เลือกซื้อใบรับรอง SSL ตามลักษณะเนื้อหาของเว็บไซต์ และประเภทธุรกิจ
1.1 เว็บไซต์ประเภท Ecommerce Online (ขายของออนไลน์)ที่มีการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต, Online Booking ระบบจองห้องพักออนไลน์ ธุรกิจท่องเที่ยวโรงแรม, การเงินการธนาคาร, บริษัทหลักทรัพย์ ที่ต้องการความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือสูงสุดในด้านการทำธุรกรรมบนระบบอินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่เลือกใช้แบรนด์ Symantec SSL รองลงมา คือ Thawte SSL และ Geotrust SSL
1.2 เว็บไซต์ขององค์กรภาครัฐหน่วยงานราชการ, สมาคม หรือสถาบันการศึกษา ที่ให้ความสำคัญในการรับ - ส่งข้อมูลสูง มีระบบ Login Username & Password เช่น Web Mail , Intranet , เว็บที่มีข้อมูลสำคัญ , ข้อมูลที่เป็นความลับ ที่ต้องการความปลอดภัยสูง ส่วนใหญ่เลือกใช้แบรนด์ Thawte SSL, InstantSSL Comodo และ True BusinessID ในกลุ่ม Geotrust SSL เป็นต้น
1.3 เว็บไซต์ของบริษัทภาคเอกชน หรือบุคคลธรรมดา ที่ต้องการใบรับรอง SSL ในราคาประหยัด เพื่อให้ระบบปลอดภัยจาก Hacker ตามที่ได้รับมาตรฐานใบรับรอง SSLจาก CA (Certificate Authority) มาใช้แทนระบบ Self-Signed Certificate เพื่อลดปัญหาBrowser แสดงข้อความแจ้งเตือนในลักษณะ Security Warning ก่อนเข้าสู่เว็บไซต์ ส่วนใหญ่เลือกใช้แบรนด์ InstantSSL Comodo, True BusinessID ในกลุ่ม Geotrust SSL, Digicert SSL, RapidSSL, Godaddy SSL เป็นต้น
(2) มีจำนวนเครื่องเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 1 เครื่องที่ต้องการใช้ใบรับรอง SSL
2.1 กรณีต้องการใบรับรอง SSL ภายใต้โดเมนเดียวกัน แต่มีการใช้งานมากกว่า 1 เครื่องเซิร์ฟเวอร์ แนะนำให้ซื้อ SSL เพียง 1 ใบรับรอง แต่เพิ่มการสั่งซื้อ Additional Server License ตามจำนวนเครื่องที่ต้องการใช้งาน
2.2 กรณีต้องการใบรับรอง SSLครอบคลุมโดเมนย่อย *.yourdomain.com ภายใต้โดเมนเดียวกัน แนะนำให้สั่งซื้อ SSL แบบ Wildcard SSL เพียงใบรับรองเดียว แต่สามารถใช้ SSL บนโดเมนย่อย (Sub domain) ได้ไม่จำกัด และใช้ได้มากกว่า 1 เครื่องเซิร์ฟเวอร์
2.3 กรณีต้องการใบรับรอง SSL ที่มีความครอบคลุมหลายชื่อโดเมนเนม และแยกการใช้งานแบบเฉพาะเครื่องเซิร์ฟเวอร์ 1 โดเมนต่อ 1 เครื่องเซิร์ฟเวอร์ แนะนำให้สั่งซื้อโปรดักส์ SSL แบบ UC/SAN Package เช่น ทุกโปรดักส์ของ Symantec + SAN Package , True BusinessID + SAN Package, True BusinessID with EV + SAN Package และ Digicert UC/SAN
(3) เลือกตามเทคโนโลยีของ SSL, ระดับการตรวจสอบ และระยะเวลาในการออกใบรับรอง SSL
ปัจจุบันเทคโนโลยีของ SSL มีระดับการตรวจสอบตัวตนของผู้ขอใบรับรอง SSL แตกต่างกัน รวมถึงระยะเวลาในขอใบรับรอง
3.1 ถ้าต้องการใบรับรอง SSL ที่ตรวจสอบง่ายและออกใบรับรองได้รวดเร็ว ใช้เวลาในการขอใบรับรอง SSL ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง แนะนำให้สั่งซื้อ SSL เทคโนโลยีแบบ DV SSL ที่ตรวจสอบความถูกต้องเจ้าของโดเมน
3.2 ถ้าต้องการใบรับรอง SSL ที่แสดงชื่อองค์กรในในรับรอง แนะนำให้สั่งซื้อ SSL เทคโนโลยีแบบ OV SSL ที่ตรวจสอบความถูกต้องเจ้าของโดเมนและตัวตนขององค์กรที่ขอใบรับรอง
3.3 ถ้าต้องการใบรับรอง SSL ที่แสดงแถบเขียวบน Browser (Green Address bar) โดยใช้การตรวจสอบที่เข้มงวด ใช้ระยะเวลาในการออกใบรับรองประมาณ 7-10 วัน แนะนำให้สั่งซื้อ SSL เทคโนโลยีแบบ EV SSL
(4) เลือกตามระดับการรับรู้ของแบรนด์ และงบประมาณขององค์กร
SSL.IN.TH จำหน่ายใบรับรอง SSL โดยเรียงลำดับตามระดับการรับรู้ของแบรนด์ที่บ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือ รวมทั้งงบประมาณขององค์กรที่ต้องการสั่งซื้อใบรับรอง SSL ด้วย
4.1 ถ้าต้องการแบรนด์ที่ให้ความมั่นใจและน่าเชื่อถืออย่างสูงสุด องค์กรมีงบประมาณในการสั่งซื้อใบรับรองมากกว่า 15,000 บาทต่อ 1 ใบรับรอง แนะนำให้สั่งซื้อ Symantec SSL รองลงมา คือ Thawte SSL
4.2 ถ้าต้องการความน่าเชื่อถือและการรับรู้ของแบรนด์ในระดับปานกลาง มีงบประมาณในการสั่งซื้อใบรับรองตั้งแต่ 5,000 บาท – 15,000 บาทต่อ 1 ใบรับรอง แนะนำให้สั่งซื้อGeotrust SSL, InstantSSL, Digicert SSL
4.3 ถ้าต้องการแบรนด์ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยจาก CA ภายใต้งบประมาณจำกัด ไม่เกิน 5,000 บาทต่อ 1 ใบรับรอง แนะนำให้สั่งซื้อ RapidSSL และ Godaddy SS
TLS ย่อมาจาก Transport Layer Security
SSL ย่อมาจาก Secure Socket Layer
TLS กับ SSL นั้น ไม่เหมือนกัน แต่จะคล้าย ๆ กัน โดย TLS เป็น protocol ที่ใหม่กว่า เป็น มาตรฐานเปิด ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจาก SSL
ในโปรแกรมบางประเภท จะเขียนว่า SSL/TLS หรือ เขียนแค่ TLS เฉย ๆ ซึ่งจะหมายความรวมถึง SSL ได้เหมือนกัน เนื่องจาก TLS จะ downgrade ตัวเองเป็น SSL เมื่ออุปกรณ์ที่กำลังติดต่อกันอยู่นั้นยังไม่รองรับ TLS
ข้อแตกต่างระหว่าง TLS กับ SSL ที่ชัดเจน คือ ขั้นตอนการเข้ารหัส และ เวลาเรียกใช้งาน SSL จะต้องแยก port ของ data ที่เข้ารหัส กับ ไม่ได้เข้ารหัสออกจากกัน
ส่วน TLS นั้นจะแยก port หรือไม่แยก port ของ data ที่เข้ารหัสกับไม่ได้เข้ารหัสออกจากกันก็ได้
การใช้งานใน apache web server - ใน apache2 รองรับทั้ง TLS และ SSL เนื่องจากการตั้งค่า configuration จะต้องแยก port ออกมา การติดตั้ง SSL และ TLS จึงเหมือนกัน และใช้วิธีการตั้งค่าเหมือนกัน certificate ที่ผู้ให้บริการ SSL certificate ก็ รองรับ ทั้ง TLS และ SSL ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับ browser ของผู้ใช้งานแล้วว่า รองรับ TLS หรือไม่ ถ้ารองรับ การเข้ารหัสก็จะเป็นแบบ TLS ถ้าไม่รองรับการเข้ารหัสก็จะเป็นแบบ SSL
การใช้งานใน Mail server - พวก POP3, IMAP, SMTP จะนิยมใช้ผ่าน TLS มากกว่า ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยน port จาก port ปกติเวลาเรียกใช้งาน ในการติดตั้งก็คล้ายกับ web server แต่ เครื่อง mail server 1 เครื่อง ติดตั้งได้เพียงแค่อันเดียว
cr.netway.co.th,