เรารู้ว่างาดำมีประโยชน์..ทำไมถึงรู้ล่ะ..งาดำได้แทรกอยู่ในเมนูอาหาร ขนมและเครื่องดื่มมากมาย เช่น นมงาดำ ขนมกรอบงาดำ ข้าวผสมงาดำ...
- น้ำงาดำ เครื่องดื่มสุขภาพประโยชน์เพียบ
- น้ำข้าวกล้องงาดำ เครื่องดื่มสุขภาพกำลังสอง
- น้ำเต้าหู้งาดำ เครื่องดื่มสุขภาพอิ่มท้อง ต้อนรับเทศกาลกินเจ
- ไอศกรีมงาดำ หวานเย็นชื่นใจได้สุขภาพ
- ไอศกรีมน้ำเต้าหู้งาดำ เมนูเย็นชื่นใจเพื่อสุขภาพ สูตรไม่ใส่นมและครีม
- ไข่ตุ๋นงาดำ เมนูไข่อร่อยง่ายได้สุขภาพ
...แต่ก็ควรรู้โทษด้วยเช่นกัน
โทษของงาดำ หากกินงาดำในปริมาณมากจนเกินไป (เกิน 15 กรัมต่อวัน)
* อาจทำให้เกิดภาวะระบายท้อง ถ่ายบ่อยจนนำไปสู่อาการท้องร่วงได้
* ผู้ที่มีอาการแพ้ถั่วควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีงาดำ เพราะงาดำมีสารบางชนิดที่คล้ายกับถั่วลิสง ซึ่งถ้าหากรับประทานเข้าไปอาจจะก่อให้เกิดอาการแพ้ (ภายใน 90 นาทีหลังจากรับประทาน) และอันตรายถึงชีวิตได้
* งาดำอาจทำให้ระดับความดันโลหิตต่ำ ในผู้ที่มีภาวะนี้อยู่แล้วควรจำกัดการรับประทานงาดำให้ไม่เกินวันละ 1 ช้อนชา หรือ 15 กรัม
* สตรีมีครรภ์ในช่วง 3 เดือนแรก ไม่ควรรับประทานงาดำ เพราะงาดำมีฤทธิ์เป็นยาขับประจำเดือน อาจทำให้แท้งได้
* ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือผู้ที่กำลังจะผ่าตัด ควรระมัดระวังการรับประทานงาดำ เพราะอาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำได้
* ผู้ที่เสี่ยงเป็นนิ่ว หรือมีนิ่วอยู่แล้ว ควรลดหรือเลี่ยงงาดำ เพราะงาดำมีสารออกซาเลต (Oxalate) เยอะ จนอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้
* ผู้ป่วยโรค Wilson’s disease ที่มีภาวะทองแดง (Copper) ในร่างกายเกิน และไม่สามารถขับทองแดงออกจากร่างกายได้ ไม่ควรรับประทาน

* น้ำหนักร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ เมล็ดงาที่น้ำหนักเบานี้ประกอบไปด้วยแคลอรี่และไขมันที่อิ่มตัว ปริมาณการใช้งา 100 กรัม หรือเพียงแค่ 1 กำมือ ประกอบด้วย 590 แคลอรี่ และ ไขมันอิ่มตัว 8 กรัม ซึ่งคิดเป็นประมาณ 40% ของปริมาณไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน ดังนั้นการบริโภคงาทีละมากๆในการลดน้ำหนัก สามารถทำให้คุณได้รับน้ำหนักตัวที่ไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายได้
* มะเร็งลำไส้ใหญ่ การบริโภคเมล็ดงาในปริมาณที่มากเกินไปสามารถไปทำลายลำไส้ใหญ่ได้ นักวิจัยพบว่าการบริโภคงาปริมาณมากมากในแต่ละวัน สามารถทำให้ลำไส้ใหญ่อักเสบจนนำไปสู่โรคร้ายเช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ นี่เป็นผลข้างเคียงที่อันตรายที่สุดของการบริโภคงา เพราะมันสามารถนำไปสู่ความตายได้
* โรคผนังลำไส้ใหญ่อักเสบ เมล็ดงาส่งผลต่อสุขภาพลำไส้ใหญ่โดยเป็นสาเหตุให้เกิดผนังลำไส้ใหญ่อักเสบ ซึ่งเกิดเป็นถุงโป่งติดด้านในผนังของลำไส้ใหญ่ ทำให้มีอาการปวดท้องเกร็ง ปวดท้องรุนแรง ท้องผูก และอื่นๆ ดังนั้นควรควบคุมปริมาณการบริโภคงาไม่ให้มากเกินไป
* การติดเชื้อที่ไส้ติ่ง ผลข้างเคียงนี้มักจะไม่ค่อยพบ แต่ก็มีบางคนที่เป็นเหยื่อของการติดเชื้อที่ไส้ติ่งโดยการกินเมล็ดงาที่มากเกินไป บางครั้งอณูเล็กๆของเมล็ดงาที่กินเข้าไปอาจจะไปติดในไส้ติ่ง มีผลให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงได้
* ผื่นคัน เมล็ดงาอาจมีผลที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังด้วย ถ้าคุณบริโภคงามากเกินไป หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันงาผสมอยู่มาก คุณอาจเกิดอาการแพ้ที่ผิวหนัง คันและเป็นผื่นแดง
* ผมร่วง หลายคนมักใช้งาดำในการบำรุงสุขภาพเส้นผม ให้เส้นผมเงางาม แต่ถ้าใช้มากเกินไปมันสามารถให้ผลตรงกันข้ามได้ โดยเป็นสาเหตุให้เกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมน ซึ่งทำให้หนังศีรษะมัน และรูขุมผมแห้งขึ้น ผลที่ตามมาคือผมร่วงมากขึ้นจนขยายเป็นวงกว้าง อาจทำให้เกิดหัวล้านในที่สุด

อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ และหมอแมวจากเพจความรู้สนุกๆแบบหมอแมว ก็ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า การกินงาดำไม่ได้อันตรายต่อร่างกายขนาดนั้น หากกินในปริมาณที่เหมาะสม และไม่มีปัจจัยเสี่ยงใด ๆ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น เพราะจริง ๆ แล้วร่างกายของคนเรามีกระบวนการขับทองแดงส่วนที่เกินได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้ากินเกิน 100 กรัม อาจเกิดอันตราย ซึ่งในทางปฏิบัติก็คงจะเป็นไปได้ยาก..
เฟซบุ๊กชื่อว่า “Paisan Saksreesakulchai” ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพ เตือนภัยใกล้ตัว ซึ่งมีหญิงสูงอายุรายหนึ่ง อายุ 85 ปี มาหาเภสัชกรบ่อยเป็นประจำ ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข 34 โพธิ์ศรี ซอยสุขุมวิท 56 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร และเมื่อพูดคุยกับเภสัชกรได้เห็นความผิดปกติทั้งการขับถ่ายและบนใบหน้า มีรอยดำเต็มทั่วผิวหน้าเป็นกระจุกๆ มีลักษณะที่เหมือนการสะสมอะไรบางอย่าง เมื่อเภสัชกรสอบถามหญิงรายนี้ จึงรู้ถึงสาเหตุของรอยดำ นั้นคือ ลูกของหญิงสูงอายุได้นำงาดำมาเป็นกำมือใส่ไปในข้าวต้ม แล้วยังบอกอีกว่า ทางทีวีบอกว่างาดำเป็นยาอายุวัฒนะ ได้กินทุกมื้อจะดีมากๆ ต่อมาเภสัชกรจึงสั่งห้ามเอางาดำมากินเป็นอาหารหลัก และทานทุกวันอาจเสี่ยงถึงชีวิตได้

ประโยชน์ของงาดำปริมาณงาดำที่ควรรับประทานต่อวันคือ 10-15 กรัม หรือไม่เกินวันละ 1 ช้อนโต๊ะ1. บรรเทาอาการปวดข้ออักเสบรูมาตอยด์สำหรับคนที่มีปัญหาข้อต่ออักเสบรูมาตอยด์ การรับประทานงาดำสามารถลดอาการปวดได้ เพราะธาตุทองแดงที่อยู่ในงาดำมีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ ทำให้อาการปวดลดลง นอกจากนี้ธาตุทองแดงยังมีส่วนช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนนั้นสำคัญต่อการเสริมสร้างเนื้อเยื่อ ข้อต่อ กระดูกอ่อน และหลอดเลือดให้แข็งแรง2. บำรุงผิวพรรณและกระดูกงาดำขึ้นชื่อว่าเป็นธัญพืชอีกชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งแคลเซียมที่อยู่ในงาดำนั้นมีมากกว่านมถึง 6 เท่า นอกจากนี้ก็ยังมีสังกะสีที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก เพิ่มมวลกระดูก จึงเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนที่มีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน ขณะที่วิตามินอีที่อยู่ในงาดำก็ยังมีส่วนสำคัญในการบำรุงผิวพรรณให้นุ่มชุ่มชื้น หากรับประทานเป็นประจำรับรองได้เลยว่ากระดูกแข็งแรง ผิวพรรณดี ห่างไกลจากริ้วรอยแห่งวัย ดูเด็กลงได้อีกหลายปีเลย
3. ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
สารเซซามินและสารเซซาโมลิน เป็นไฟเบอร์ในกลุ่มลิกแนน (Lignans) ที่มีคุณสมบัติในการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ซึ่งเจ้าสารชนิดนี้เป็นสารที่อุดมอยู่ในงาดำ นอกจากนี้ในงาดำก็ยังอุดมด้วยสารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกับคอเลสเตอรอล แต่ไม่เป็นอันตรายกับสุขภาพ ซึ่งการรับประทานงาดำเข้าไปก็จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ ได้ แต่ทั้งนี้ก็ควรรับประทานงาดำไม่ให้เกินวันละ 10-15 กรัม เพราะงาดำเป็นธัญพืชที่ให้พลังงานจากไขมันค่อนข้างมากนะคะ
4. บำรุงหัวใจเพราะงาดำสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ จึงทำให้สุขภาพหัวใจแข็งแรงขึ้น เพราะเมื่อร่างกายมีระดับคอเลสเตอรอลที่ลดลง ก็จะส่งผลให้หลอดเลือดหัวใจสะอาดขึ้น ระบบไหลเวียนเลือดก็ดีขึ้น ลดความเสี่ยงได้ทั้งโรคหัวใจและหลอดเลือด หรือโรคความดันโลหิตสูง
5. ป้องกันโรคมะเร็งสารต้านอนุมูลอิสระที่อัดแน่นเต็มเมล็ดงาดำ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้งาดำกลายเป็นอาหารต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะโรคมะเร็งลำไส้ เพราะไฟเบอร์ที่อยู่ในงาดำจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของระบบลำไส้ ทำให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น ความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ก็ลดลง นอกจากนี้สารเซซามินที่มีอยู่ในงาดำก็ยังช่วยป้องกันสารอนุมูลอิสระไปทำลายตับ และเมื่อตับสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว ก็จะไม่มีสารพิษสะสมในร่างกายจนก่อให้เกิดโรคมะเร็งนั่นเอง แต่ทั้งนี้เอง หากรับประทานมากเกินไปก็อาจทำให้เสี่ยงกับโรคมะเร็งได้เหมือนกัน ฉะนั้นต้องรับประทานในปริมาณที่พอดีจะดีที่สุดค่ะ6. ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายแม้จะเป็นเพียงธัญพืชเมล็ดเล็ก ๆ แต่งาดำก็อุดมไปด้วยไฟเบอร์จำนวนมาก ซึ่งถ้ารับประทานบ่อย ๆ ก็จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น หมดปัญหาเรื่องท้องผูกไปได้เลยล่ะค่ะ ใครที่มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่ายลองหางาดำมารับประทานกันดูนะคะ7. บรรเทากลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS)กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนถือเป็นปัญหาของคุณสาว ๆ หลายคน เพราะทำให้อารมณ์แปรปรวน หรือเกิดอาการปวดท้อง ปวดศีรษะ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว นอนไม่หลับ จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต แต่ถ้าอยากจะลดอาการเหล่านี้แนะนำให้รับประทานงาดำค่ะ เพราะงาดำอุดมไปด้วยวิตามินบี แคลเซียม แมกนีเซียม และสังกะสี ที่ช่วยลดอาการ PMS ได้เป็นอย่างดี บอกลาอาการต่าง ๆ ก่อนมีประจำเดือนไปได้เลย8. แก้ผมร่วง บำรุงเส้นผมงาดำเป็นธัญพืชที่อุดมไปด้วยไขมันที่ดี ไม่ว่าจะเป็นไขมันโอเมก้า 3, 6 และ 9 ซึ่งล้วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม อีกทั้งช่วยบำรุงให้หนังศีรษะและเส้นผมชุ่มชื้นมีสุขภาพดี ยิ่งถ้าหากใช้น้ำมันงาดำมานวดศีรษะเป็นประจำด้วยละก็ จะยิ่งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณศีรษะทำให้เส้นผมได้รับแร่ธาตุและวิตามินมากขึ้น ไม่หลุดร่วงและยังดกดำเงางามขึ้นค่ะ9. ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้นแคลเซียมและแมกนีเซียมที่อยู่ในงาดำ มีส่วนสำคัญที่ช่วยบรรเทาความเครียด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย นอกจากนี้ทริปโตเฟน (tryptophan) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่มีในงาดำก็ยังเข้าไปช่วยเสริมสร้างการทำงานของเซโรโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ทำให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง10. บำรุงสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Ethnopharmacology พบว่า การรับประทานสารสกัดจากงาดำสามารถช่วยป้องกัน และชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ โดยในการศึกษาได้ให้อาสาสมัครที่อยู่ในกลุ่มสูงวัยรับประทานสารสกัดจากงาดำแบบแคปซูลปริมาณ 500 มิลลิกรัม ทุกวันติดต่อกัน 9 สัปดาห์ พบว่าหลังจาก 9 สัปดาห์ผ่านไป อาสาสมัครเหล่านี้มีพัฒนาการในด้านความจำและการเรียนรู้ที่ดีขึ้น ดีแบบนี้ต้องรีบหามาลองแล้ว
11. บำรุงสายตา
ในการแพทย์แผนจีนเชื่อว่าดวงตานั้นสัมพันธ์กับตับ ดังนั้นหากตับมีปัญหาก็จะทำให้ดวงตาอ่อนล้า ตาแห้ง และมองเห็นไม่ชัดได้ จึงทำให้มีการนำงาดำมาใช้ในแพทย์แผนจีนเพื่อบำรุงสายตาและตับไปพร้อม ๆ กัน เมื่อตับมีสุขภาพดี ดวงตาก็จะชุ่มชื้นและใสปิ๊ง หมดปัญหาสุขภาพตาไปได้เลยเพจ “Drama-addict” ออกมาโพสต์อธิบายการบริโภคงาดำ โดยระบุว่า “งาดำ เป็นอาหารที่มีประโยชน์สูงมาก มีสารต้านอนุมูลอิสระ โปรตีน กรดอะมิโน กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่สำคัญหลายตัว ใยอาหารก็เยอะ เกลือแร่ เช่น ทองแดงก็มี ถ้าบริโภคตามปรกติจะเป็นประโยชน์กับร่างกาย แนะนำให้รับประทานไม่เกินวันละ 15 กรัม หรือ 1 ช้อนโต๊ะ กำลังดี เพราะแคลอรี่สูง 100 กรัม ปาเข้าไปตั้ง 700 kcal อะไรจะเยอะขนาดนั้นวะ กินเยอะๆ อ้วนได้ดังนั้น กินแต่พอดี งาดำมีปริมาณทองแดงค่อนข้างสูง แต่ส่วนมากร่างกายก็กำจัดได้ไม่มีปัญหาอะไร ยกเว้นว่าจะเป็นโรคบางอย่าง เช่น โรค Wilson's disease เป็นโรคทางพันธุกรรมที่เป็นมาแต่เกิด ทำให้การขับทองแดงออกจากร่างกายบกพร่อง ทำให้มีทองแดงสะสมในร่างกายคนๆ นั้น เรื่อยๆ จนเริ่มมีอาการต่างๆ ที่พบบ่อยสุดคืออาการทางตับ เช่น ตัวเหลือง ตับโต ม้ามโต ตามมาด้วยอาการทางระบบประสาท เคลื่อนไหวผิดปกติ กลืนลำบาก อะไรประมาณนั้น”
![บ้านไทยทิพย์ งาดำ คั่วบด อินทรีย์ [140กรัม] ธัญพืช ปลอดสารพิษ | Lazada.co.th](https://th-test-11.slatic.net/p/e54d6d75c8d4d4ae2f373dffae6b36f2.jpg)
งาดำปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 573 กิโลแคลอรี และมีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้- น้ำ 4.69 กรัม- โปรตีน 17.73 กรัม- คาร์โบไฮเดรต 23.45 กรัม- ไฟเบอร์ 11.8 กรัม- น้ำตาล 0.30 กรัม- แคลเซียม 975 มิลลิกรัม- ธาตุเหล็ก 14.55 มิลลิกรัม- แมกนีเซียม 351 มิลลิกรัม- ฟอสฟอรัส 629 มิลลิกรัม- โพแทสเซียม 468 มิลลิกรัม- โซเดียม 11 มิลลิกรัม- สังกะสี 7.75 มิลลิกรัม- ไทอะมีน 0.791 มิลลิกรัม- ไรโบฟลาวิน 0.247 มิลลิกรัม- ไนอะซิน 4.515 มิลลิกรัม- วิตามินบี 6 0.790 มิลลิกรัม- โฟเลต 97 ไมโครกรัม- วิตามินอี 0.25 มิลลิกรัม- ไขมันอิ่มตัว 6.957 กรัม- ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 18.759 กรัม- ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 21.773 กรัม
ดังนั้นควรทานในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เกิน 15 กรัม ต่อวัน จะได้ประโยชน์สูงสุดจะดีกว่า..และถ้าทานไปแล้วมีผลข้างเคียงก็หยุดทานหรือลดปริมาณการทานลงก็ได้..ซึ่งปริมาณการทานและผลการตอบรับของแต่ละบุคคลจะไม่เหมือนกัน..
Cr. kapook.com, mgronline.com, softbankthai.com, med.nu.ac.th
ถ้าภูมิต้านทานน้อย นอนไม่หลับ เส้นเลือดตีบ แนะนำ..โปร-เอ็กบี Pro-xB.. สกัดจากธรรมชาติ เห็นผลดีขึ้นตั้งแต่สัปดาห์แรก..ผู้ที่เป็นเบาหวาน ความดัน ทานได้..