วิกฤตโลกที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง?
1. กาฬโรค ค.ศ.1720 หรือเมื่อ 300 ปีที่แล้ว มีโรคระบาดที่ติดต่อจากสัตว์มาสู่คนชื่อว่ากาฬโรค สมัยนั้นยังไม่มีโซเชียลมีเดียและการสื่อสารอื่นที่ทันสมัย แต่เฉพาะที่เมืองมาร์เซย์ ฝรั่งเศส เพียงแห่งเดียว มีคนตายกว่า 1 แสนคน ความตายระบาดไปทั้งโลก จนกระทั่งมนุษย์ขนานนามโรคระบาดนี้ว่า มฤตยูดำ หรือ Black Death
การแพร่ระบาดของโรคนี้มีหมัดหนูเป็นตัวแพร่เชื้อ โดยหมัดหนูติดกับตัวหนูที่อยู่ใต้ท้องเรือสำเภาซึ่งเดินทางไปติดต่อค้าขายในดินแดนต่างๆ ผู้ป่วยกาฬโรคจะมีอาการตามชื่อที่ถูกเรียกกันว่า “ความตายสีดำ” หรือ “Black Death” กล่าวคือ ตามร่างกายของผู้ป่วยจะมีสีดำคล้ำอันเนื่องมาจากเซลล์ผิวหนังที่ตายไป ส่วนอาการของผู้รับเชื้อกาฬโรคจะมีแผลขนาดเท่าไข่ไก่หรือผลส้มตรงต่อมน้ำเหลืองต่างๆ จากนั้นจะมีไข้สูง ปวดตามแขนและขา เมื่ออาการหนักจะเจ็บปวดทุกข์ทรมาน กระทั่งเสียชีวิต
7. โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในปี 2020 เดือนมกราคม มนุษย์เริ่มได้ยินคำว่า โควิด-19 เวลาเพียงแค่ 1 ปีมีมนุษย์ติดโรคนี้ถึง 77 ล้านคน และตายไปเกือบ 2 ล้านคน กระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และระบบสาธารณสุข มากกว่าวิกฤติใดๆในประวัติศาสตร์โลกสมัยใหม่
โควิด-19 ทำให้มนุษย์ไม่สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันอย่างสะดวกสบายเหมือนเดิม ธุรกิจหลายอย่างที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับการเดินทางล้มละลาย โดยเฉพาะธุรกิจการบินข้ามประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศมีมาตรการกักกันผู้คนที่เดินทางมาจากที่อื่น เดิมโลกพึ่งพาอาศัยระบบออนไลน์ แต่โควิด-19 เป็นตัวเร่งให้การประกอบธุรกิจ ธุรกรรม และการติดต่อสื่อสารทางออนไลน์เพิ่มทวีคูณ
โรงงานมากมายหลายแห่งลดการใช้แรงงานมนุษย์ซึ่งสามารถเป็นพาหะของโรคโควิด-19 และโรคติดต่ออื่นๆ มาใช้หุ่นยนต์ ธุรกิจโปรแกรมการประชุมบูมตูมตาม ผู้คนลดการไปเดินห้างหรือทานอาหารตามภัตตาคาร และธุรกิจดีลิเวอรีอาหารเติบโตมากมายหลายเท่าตัวทุกแห่ง เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดต่อโดยตรงระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์
8. ค.ศ.1929-1939 เป็น 10 ปี โลกเคยเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ เป็นวิกฤติทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ที่โลกประสบภาวะถดถอยเป็นเวลายาวนาน และหยั่งรากลึกกว่าครั้งใดๆ เสียงโอดโอยโหยหวนของมนุษย์ในห้วง 10 ปีที่ว่า ดังระงมไปทุกตรอกซอกมุมโลก
9. สงครามโลกครั้งที่ 2 ค.ศ.1939-1945 วิกฤติใหญ่ถัดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ทำให้ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรเสียชีวิตถึง 16 ล้านนาย พลเรือน 45 ล้านคน ส่วนฝ่ายอักษะมีทหารเสียชีวิต 8 ล้านนาย พลเรือน 4 ล้านคน รวมการสูญเสียของมนุษย์ในช่วง 6 ปี มีมากกว่า 73 ล้านคน
หลังสงครามเกิดอะไรขึ้นบ้าง..
1. สหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำค่ายประชาธิปไตย ได้ก้าวขึ้นสู่ความเป็นอภิมหาอำนาจเหนืออังกฤษและฝรั่งเศส ิใช่เพียงเพราะ สหรัฐอเมริกามียุทโธปกรณ์ที่ทรงอานุภาพเท่านั้น แต่เพราะอังกฤษและฝรั่งเศสได้รับความบอบช้ำจากผล พวงของสงครามครั้งนี้อย่างมหาศาล
2. สหภาพโซเวียต(USSR) ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งมหาอำนาจในค่ายคอมมิวนิสต์(โลกสังคมนิยม) ทั้งยังเป็นแกนนำในการเผยแพร่อุดมการณ์การเมืองแบบสังคมนิยมออกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก
โอกาสในวิกฤติ
1. หนงฟู่ สปริง ที่ชูจุดเด่นเรื่องแหล่งน้ำธรรมชาติ เทาแซนด์ ไอส์แลนด์ เลค ในมณฑลเจ้อเจียงที่ใหญ่และสะอาดที่สุดในจีน ประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่เดิมบริษัทหนงฟู่ สปริง ก็มีชื่อเสียงในสาธารณรัฐประชาชนจีนอยู่แล้ว แต่หลังจากโควิด-19 ทำให้นายจง ซานซาน เจ้าของบริษัทน้ำดื่มหนงฟู่ สปริง กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของจีน ด้วยมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดหลายล้านล้านบาท
2. Eric Yuan CEO และผู้ก่อตั้ง Zoom เว็บไซต์สำหรับ VDO Conference ชาวอเมริกัน ที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอีก 2.58 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8.36 หมื่นล้านบาท..ช่วงโควิด 19 การพบปะพูดคุย หรือประชุมในห้องติดแอร์โอกาสติดเชื้อสูง ดังนั้นองค์กรและคนส่วนใหญ่จะประชุมฟารือต่างๆผ่าน Zoom
3. Jeff Bezos CEO และผู้ก่อตั้งบริษัท Amazon ชาวอเมริกัน ทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้นอีก 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8.11 แสนล้านบาท..เมื่อมีการ lock down จากสถานการณ์โควิดคนจะอยู่บ้าน ไม่อยากออกไปข้างนอกเพื่อจับจ่าย ดังนั้นจึงใช้ online ในการซื้่อของ..
4. GUSTAVO DENEGRI ทรัพย์สิน 5.2 พันล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 53%) ชาวอิตาลี Denegri เรียนจบด้านเคมี และตอนนี้เป็นเจ้าของหุ้น 45% ใน DiaSorin บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากอิตาลี ปี 2000 เปิดตัวชุดตรวจวินิจฉัยเชื้อจากโพรงจมูกและคอและชุดตรวจหาสารภูมิคุ้มกันในเลือดสำหรับการตรวจโควิด-19 โดยชุดตรวจหาสารภูมิคุ้มกันใหม่ของบริษัทซึ่งเปิดตัวในเดือนเมษายนกำลังได้รับการแจกจ่ายไปยังรัฐบาลส่วนภูมิภาคหลายแห่งในอิตาลี โดย DiaSorin มีโรงงานผลิตทั้งในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรเยอรมนี และอิตาลี
6. ALAIN MERIEUX ทรัพย์สิน 8.9 พันล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 46%) • ฝรั่งเศส Mérieux ก่อตั้ง BioMerieux ขึ้นในปี 1963 เพื่อเป็นหน่วยงานทดลองวินิจฉัยของสถาบัน Institut Merieux เครือธุรกิจการแพทย์ที่ก่อตั้งโดย Marcel ปู่ของ Merieux ในปี 1897 ปัจจุบัน Alexandre ลูกชายของ Alain บริหารงานบริษัทในฐานะซีอีโอชุดตรวจวินิจฉัยโควิด-19 ของ BioMerieux ย่นระยะเวลาการตรวจหาเชื้อไวรัสให้เหลือเพียง 45 นาที และเปิดตัวชุดตรวจหาสารภูมิคุ้มกันไวรัสด้วยเช่นกัน
7. STEPHANE BANCEL ทรัพย์สิน 1.8 พันล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 151%) • ฝรั่งเศส Bancel ดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Moderna Therapeutics ในเมือง Cambridge รัฐ Massachusetts นับตั้งแต่ปี 2011 เมื่อเขาเข้าร่วมบริษัทหลังลาออกจากตำแหน่งก่อนหน้านี้ในฐานะซีอีโอของ BioMerieux เขาถือหุ้น 7% ในบริษัท Moderna ผลิตวัคซีนส่งไปทั่วโลก การพุ่งทะยานของหุ้น Moderna ได้สร้างมหาเศรษฐีพันล้านหน้าใหม่อีกคนคือ Timothy Springer ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Harvard และนักลงทุนด้านเทคโนโลยีชีวภาพตัวยง ซึ่งตอนนี้มีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 1 พันล้านเหรียญ
8. THOMAS STRUENGMANN ทรัพย์สิน 8.3 พันล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 34%) • ชาวเยอรมนี และ ANDREAS STRUENGMANN ทรัพย์สิน 8.3 พันล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 34%) • ชาวเยอรมนี มหาเศรษฐีพันล้านคู่แฝด Struengmann ร่ำรวยขึ้นครั้งแรกจากการขาย Hexal บริษัทผลิตยาสามัญให้กับ Novartis เป็นมูลค่าราว 7 พันล้านเหรียญในปี 2005 ตอนนี้พวกเขาลงทุนมหาศาลในบริษัทด้านสุขภาพและเทคโนโลยีชีวภาพผ่าน Santo Holding บริษัทลงทุนของตัวเองในสวิตเซอร์แลนด์ แต่เดิมพันที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดคือ BioNTech บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากเมือง Mainz ในเยอรมนี ที่มาแรงแซงโค้งไม่นานนี้
โดย BioNTech กำลังจับมือกับ Pfizer PFE และ Fosun Pharmaceuticals เพื่อพัฒนาวัคซีนโควิด-19 การทดสอบกับมนุษย์ครั้งแรกเริ่มต้นขึ้นในเยอรมนีเมื่อวันที่ 23 เมษายน และในสหรัฐฯ วันที่ 5 พฤษภาคม Uğur Şahin ซีอีโอ BioNTech ได้กลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านด้วยเช่นกัน จากการที่หุ้นพุ่งทะยานจากโควิด-19 โดยมีทรัพย์สินสุทธิ 2.7 พันล้านเหรียญ
9. LEONARD SCHLEIFER
10. Elon Musk รวยเพิ่มอีก 1.4 แสนล้านดอลลาร์ ความมั่งคั่งสุทธิเมื่อวันอังคาร (29 ธ.ค.) อยู่ที่ 1.67 แสนล้านดอลลาร์ เดือน พ.ย.มัสก์เคยแซงหน้าบิล เกตส์ คว้าอันดับ 2 ของดัชนีมาแล้ว
เมื่อต้นปี มัสก์มั่งคั่งเกือบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ (ยังถือว่ารวยมาก) แต่ปีนี้เป็นปีพิเศษของเทสลา ทำให้มัสก์รวยหยุดไม่อยู่ หุ้นเทสลาพุ่งกว่า 650% ตั้งแต่ต้นปี จากยอดขายที่สูงทุบสถิติ ทั้งยังทำกำไรได้เป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน
มัสก์ถือหุ้นเทสลาราว 20% เมื่อราคาหุ้นบริษัทพุ่งจึงส่งผลให้เขารวยขึ้นด้วย เพราะราคาหุ้นเทสลาส่วนที่เขาถือมูลค่ากว่า 1.25 แสนล้านดอลลาร์แล้ว.ปี 2020 คือปีที่ Elon Musk กลายเป็นตำนานจากการถูกบันทึกว่าเป็นมหาเศรษฐีที่รวยขึ้นเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยหุ้น Tesla ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 743%
Cr. thairath.co.th, forbesthailand.com, bangkokbiznews.com, km.nssc.ac.th