จะโชคดีหรือโชคร้ายของเราก็ตามที่ได้เจอผึ้ง ต่อ แตน ในสถานที่ต่างๆและในประเทศไทยมีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ หรือแม้กระทั้งผู้สูงวัยมีโอกาสเจอได้เสมอเช่นกันอาจเจอในสถานที่พักอาศัย สวนดอกต้นไม้ สนามเด็กเล่น ป่า เขา น้ำตก สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ดังนั้น หากถูกสัตว์เหล่านี้ต่อยเข้าแล้ว เราจะหาวิธีรักษาแผลหรือบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นได้อย่างไร
..ขอเล่าเหตุการณ์ที่เจอกับตัวเองล่าสุดสักนิดนะครับ..
😁ชช่วงเย็นว้นหนึ่ง 17.00 เล่นฟุตบอลที่สนาม โดน ผึ้ง ต่อ หรือแตนต่อย มิอาจทราบได้ เพราะว่าไม่เห็นตัว ได้ยินแต่เสียงบิน..
🙁ถูกต่อยที่คิ้วซ้ายอย่างจัง..มือขวาของเราเองรีบยกขึ้นตบตัวร้ายนี้ทันที แต่โชคดีเป็นของเขาที่บินหนีไปได้..
😡กรรมเรา..เริ่มเจ็บที่แผลถูกต่อย ปวดนิดๆ ลามมาที่ตาซ้าย และน้ำตาซ้ายเริ่มจิไหล..(ซึ้งกับการเจ็บครั้งนี้)
😣ไม่รีรอช้า..รีบเดินกลับบ้าน..ล้างหน้าและถูตรงแผลให้สะอาดด้วยน้ำประปา
😖ให้คนดูว่ามีเหล็กในเนื้อหรือไม่..จะได้รู้ว่าตัวอะไรต่อย (แตน ต่อ..ไม่ฝากเหล็กในไว้หลังต่อย..มีแต่ ผึ้ง เท่านั้น..ที่ฝังเหล็กในไว้)..แผลเริ่มแดงเข้มใหญ่ขึ้น..สรุปมองไม่เห็นเหล็กใน..
😡..ต่อมานำก้อนน้ำแข็งมาใส่ผ้าแล้วโป๊ะตรงแผล..เจ้ากรรมเริ่มปวดหัวขมับนิดๆ ทานยาพาราลงไป 1 เม็ด..
😄มีคนบอกว่าใช้น้ำส้มสายชูเช็ดและทา..ช่วยได้..ไม่รอช้าให้คนรีบจัดการเร็วไว..ส่วนเราขอนอนพักสักครู่
😱..น้ำส้มสายชูเทใส่ทิชชู่ แล้วเช็ดโป๊ะที่แผลสักครู่..แล้วก็ตามด้วยน้ำแข็งต่อ..
😄เวลาผ่านไป 1/2 ชม. อาการดีขึ้นมาก..ไปตลาดซื้อของได้
😋ใครเกิดเหตุการณ์แบบนี้..ลองเอาวิธีนี้ไปใช้ดูได้นะครับ..
ต่อ แตนต่อยต่อ แตน ลักษณะคล้ายกัน ตัวใหญ่กว่าผึ้ง ไม่ฝังเหล็กใน ทำให้สามารถต่อยได้หลายครั้ง พิษเป็นด่างและรุนแรงกว่าพิษผึ้ง ต่อและแตนจึงเป็นอันตรายมากกว่าผึ้งด้วยเหตุนี้

ทำอย่างไรดี เมื่อโดน ต่อ แตน ต่อย
โดยทั่วไป ความเจ็บปวดและตุ่มบวมจากการโดนต่อ แตนต่อยจะค่อย ๆ ดีขึ้น และค่อย ๆ หายไปภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง โดยไม่ต้องไปพบแพทย์ ไม่ควรเกาแผลถ้าคัน
มีหลายวิธีให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละคนนะครับ
1. ทำความสะอาดแผล
ฟอกบริเวณที่ถูกต่อยด้วยน้ำสบู่ให้สะอาด เพราะอาจปนเปื้อนเชื้อโรคจากผิวได้
2. ทาด้วยน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู
พิษต่อแตนนั้นเป็นด่าง สารต้านพิษนั้นจึงควรใช้กรดอ่อนๆเพื่อทำให้พิษนั้นลดลง สารประกอบกรดที่หาได้ตามบ้านเรือนคือ น้ำมะนาว และ น้ำส้มสายชู โดยวิธีการคือทาทิ้งไว้ประมาณ 3 นาทีแล้วทาซ้ำอีกรอบ
3. ถูด้วยหัวหอมแดง
มีการศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญพบว่า เอ็นไซม์ในหัวหอมแดงสามารถ ทำให้พิษของ ต่อ แตน ลดความรุนแรงลงได้ โดยการย่อยสลายสารประกอบบางตัว วิธีการคือหั่นหัวหอมแดง ถูรอบๆรอยบวมแดงของแผลเบาๆ และ วางหัวหอมนั้นทิ้งไว้ 3 – 5 นาที
4. ประคบด้วยน้ำแข็ง
ประคบความเย็นจะทำให้เส้นเลือดหดตัว ยับยั้งการไหลเวียนของเลือด รวมทั้ง สารการอักเสบ และ สารก่อภูมิแพ้ ทำให้การอักเสบเฉพาะที่นั้นเบาลง และ ชะลอเวลาการกระจายของพิษต่อ แตน ได้ แถมยังลดอาการเจ็บ ปวด คัน ได้ด้วยครับ วิธีการคือ ประคบบริเวณที่ถูกต่อยด้วยน้ำแข็ง 10-15 นาทีก็เพียงพอ (นำก้อนน้ำแข็งใส่ผ้า 1 ชั้น ชุบน้ำให้เปียก)
5. กินยา
เนื่องด้วยปัญหาของพิษต่อ แตน คือ การอักเสบเฉพาะที่ ที่ทำให้เกิดอาการ ปวด บวม แดง คัน และ กระตุ้นระบบภูมิแพ้ของร่างกาย จึงขอแบ่งการรักษาเป็นสองส่วน
การอักเสบเฉพาะที่ เมื่อทำตามขึ้นตอนที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จมาในระยะนึงแล้ว แต่เรายังสามารถทำให้ดีขึ้นได้ คือ
การกินยาที่ลดอาการเจ็บปวด เช่น Acetaminophen(พาราเซตามอล) และ ยาต้านการอักเสบ เช่น Ibuprofen(ไอบูโพรเฟน), diclofenac(ไดโคลฟีแนค)
ส่วนยาทา ขอแนะนำเป็น Local Steroid(ยาเสตียรอยด์เฉพาะจุดแบบทา) เช่น hydrocortisone cream(ไฮโดรคอติโซนครีม), Triamcinolone cream(ไตรแอมซิโนโลนครีม) กลุ่มนี้จะได้ผลน่าพอใจที่สุด
ยับยั้งระบบภูมิแพ้ จากที่กล่าวมาว่าการแพ้แบบรุนแรงนั้นเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่ง เราจึงต้อง ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆ ยาที่ช่วยได้คือกลุ่ม Antihistamine(ยาต้านฮิสตามีน) ที่เราเรียกกันว่ายาแก้แพ้นั่นเองครับ
ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ที่มักจะมีติดบ้านคือ CPM(คลอเฟนิรามีน), Hydroxyzine(ไฮดร๊อกไซซีน), Cetirizine(เซทไทริซีน) กินตามขนาดที่แนะนำในฉลากยาได้เลย
6. พบแพทย์
เนื่องด้วยผลของพิษต่อ แตน นั้น สามารถส่งผลได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วระดับนาที คืออาการแพ้รุนแรง จนทำให้เสียชีวิตได้ จึงควรเฝ้าระวังอยู่เสมอ หากมีอาการแพ้รุนแรง ปฐมพยาบาล พร้อมทั้งเดินทางไปสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอย่ารีรอเป็นอันขาด
โดยทั่วไป ความเจ็บปวดและตุ่มบวมจากการโดนต่อยจะค่อย ๆ ดีขึ้น และค่อย ๆ หายไปภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง โดยไม่ต้องไปพบแพทย์
ผึ้งต่อยผึ้ง ตัวเล็ก มีเหล็กใน ผึ้งบางชนิดเท่านั้นที่จะฝังเหล็กใน เมื่อต่อยเหยื่อ และ พิษของผึ้งนั้นมีความเป็นกรด
เฉพาะเพียงผึ้งที่สร้างน้ำหวานเท่านั้นที่จะทิ้งเหล็กในไว้กับเหยื่อ ต่อ แตน และ ผึ้งชนิดอื่นจะไม่ทิ้งเหล็กในไว้

ในเหล็กในนั้นประกอบด้วย เข็ม และ ถุงเก็บพิษที่ส่วนบน ซึ่งอวัยวะนี้ สามารถทำงานฉีดพิษต่อเนื่องได้ถึง 10 นาที หากไม่รีบเอาออก พิษของผึ้งนั้นจะเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้นครับ วิธีการเอาออกคือ ใช้วัตถุแข็งมีขอบ เช่น บัตรต่างๆ สันมีด หรือ เล็บ ขูดออก วิธีการคือ ขูดสวนทางกับแนวเหล็กใน เพื่อให้หลุดออก ไม่ควรใช้ การบีบ คีบ ดึง เพราะอาจจะทำให้เกิดการบีบถุงพิษ จนทำให้พิษนั้นเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมากขึ้น
ทำอย่างไรดี เมื่อโดน ผึ้งต่อย
โดยทั่วไป ความเจ็บปวดและตุ่มบวมจากการโดนผึ้งต่อยจะค่อย ๆ ดีขึ้น และค่อย ๆ หายไปภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง โดยไม่ต้องไปพบแพทย์ ไม่ควรเกาเมื่อคันแผล
1. เอาเหล็กฝังในเนื้อออก
ให้รีบเอาเหล็กในออก (ถ้ามี: ขึ้นอยู่กับชนิดของผึ้ง) โดยใช้บัตรต่างๆ สันมีด หรือ เล็บ ขูดออก วิธีการคือ ขูดสวนทางกับแนวเหล็กใน เพื่อให้หลุดออก
2. ทำความสะอาดแผลฟอกบริเวณที่ถูกต่อยด้วยน้ำสบู่ให้สะอาด เพราะอาจปนเปื้อนเชื้อโรคจากผิวได้
3. เบคกิ้งโซดา (Baking Soda)
พิษผึ้ง เนื่องด้วยความเป็นกรดของพิษผึ้ง สารต้านพิษที่หาได้ตามบ้านทั่วไปคือ สารที่เป็นด่างเช่น Baking Soda(เบคกิ้งโซดา) ละลายน้ำแล้วแช่ส่วนที่โดนต่อยลงในน้ำเบคกิ้งโซดา ประมาณ 3 นาที ด้วยกลไก กรด ผสมด่าง จะเป็นกลาง ทำให้ความรุนแรงของพิษผึ้งลดลง
4. หัวหอมแดง
มีการศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญพบว่า เอ็นไซม์ในหัวหอมแดงสามารถ ทำให้พิษของผึ้ง ลดความรุนแรงลงได้ โดยการย่อยสลายสารประกอบบางตัว วิธีการคือหั่นหัวหอมแดง ถูรอบๆรอยบวมแดงของแผลเบาๆ และ วางหัวหอมนั้นทิ้งไว้ 3 – 5 นาทีครับ
5. ประคบด้วยน้ำแข็ง
ประคบความเย็นจะทำให้เส้นเลือดหดตัว ยับยั้งการไหลเวียนของเลือด รวมทั้ง สารการอักเสบ และ สารก่อภูมิแพ้ ทำให้การอักเสบเฉพาะที่นั้นเบาลง และ ชะลอเวลาการกระจายของพิษต่อ แตน ได้ แถมยังลดอาการเจ็บ ปวด คัน ได้ด้วยครับ วิธีการคือ ประคบบริเวณที่ถูกต่อยด้วยน้ำแข็ง 10-15 นาทีก็เพียงพอ (นำก้อนน้ำแข็งใส่ผ้า 1 ชั้น ชุบน้ำให้เปียก)
6. กินยา
เนื่องด้วยปัญหาของพิษผึ้ง คือ การอักเสบเฉพาะที่ ที่ทำให้เกิดอาการ ปวด บวม แดง คัน และ กระตุ้นระบบภูมิแพ้ของร่างกาย จึงขอแบ่งการรักษาเป็นสองส่วน
การอักเสบเฉพาะที่ เมื่อทำตามขึ้นตอนที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จมาในระยะนึงแล้ว แต่เรายังสามารถทำให้ดีขึ้นได้ คือ
การกินยาที่ลดอาการเจ็บปวด เช่น Acetaminophen(พาราเซตามอล) และยาต้านการอักเสบ เช่น Ibuprofen(ไอบูโพรเฟน), diclofenac(ไดโคลฟีแนค)
ส่วนยาทาขอแนะนำเป็น Local Steroid(ยาเสตียรอยด์เฉพาะจุดแบบทา) เช่น hydrocortisone cream(ไฮโดรคอติโซนครีม), Triamcinolone cream(ไตรแอมซิโนโลนครีม) กลุ่มนี้จะได้ผลน่าพอใจที่สุด
ยับยั้งระบบภูมิแพ้ จากที่กล่าวมาว่าการแพ้แบบรุนแรงนั้นเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่ง เราจึงต้อง ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆ ยาที่ช่วยได้คือกลุ่ม Antihistamine(ยาต้านฮิสตามีน) ที่เราเรียกกันว่ายาแก้แพ้นั่นเองครับ
ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ที่มักจะมีติดบ้านคือ CPM(คลอเฟนิรามีน), Hydroxyzine(ไฮดร๊อกไซซีน), Cetirizine(เซทไทริซีน) กินตามขนาดที่แนะนำในฉลากยาได้เลย
7. พบแพทย์
เนื่องด้วยผลของพิษผึ้งนั้น สามารถส่งผลได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วระดับนาที คืออาการแพ้รุนแรง จนทำให้เสียชีวิตได้ จึงควรเฝ้าระวังอยู่เสมอ หากมีอาการแพ้รุนแรง ปฐมพยาบาล พร้อมทั้งเดินทางไปสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอย่ารีรอเป็นอันขาด
ไม่ใช่ช่วงแรกเท่านั้นที่ควรเฝ้าระวัง จากการศึกษาพบว่า พิษผึ้งนั้น สามารถส่งผลให้เกิดไตวายได้ถึง 2 อาทิตย์หลังโดนต่อยเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น อินกับอาการเสมอ เฝ้าระวังความผิดปกติในร่างกายของผู้ที่โดนต่อย เมื่อมีอะไรดูไม่ปกติ ให้เดินทางไปพบแพทย์ทันที อย่ารีรอครับ
อาการของผึ้ง ต่อ แตนต่อย
หลังโดนผึ้ง ต่อ แตนต่อย อาการที่พบได้ทั่วไป คือ
- รู้สึกคล้ายถูกเข็มแทง รู้สึกปวด ร้อน หรือคันบริเวณที่โดนต่อย
- เกิดเป็นตุ่มบวมขึ้นมา ซึ่งมีจุดสีแดงอยู่ตรงกลางและมีผิวหนังสีขาวอยู่โดยรอบ
- ความเจ็บปวดและตุ่มบวมจากการโดนต่อยจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
บางรายอาการรุนแรงขึ้น
ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์หากอาการรุนแรงขึ้น หรือมีอาการเรื้อรังยาวนานและอาการไม่หายไป เช่น
- ตุ่มบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด
- บริเวณที่โดนผึ้งต่อยขยายบวมโตขึ้นในวันถัดมา
- อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใช้เวลานานกว่าจะหายดี อาจยาวนานเป็นสัปดาห์หรือเกินกว่านั้น
อาการแพ้ที่รุนแรงหลังถูกต่อย
ซึ่งผู้ป่วยควรขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน หรือไปพบแพทย์ทันที ได้แก่
- มีอาการแพ้ปรากฏบนผิวหนัง อย่างผดผื่นคันสีแดงหรือสีซีดขาว
- อ่อนเพลีย หมดแรง
- แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจไม่ออก หรือหายใจมีเสียงหวีด
- เสียงแหบ พูดจาติดขัด
- ลิ้นบวม คอบวม
- หัวใจเต้นแรง ชีพจรเต้นเร็ว
- คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องร่วง
- วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม
- กระวนกระวาย ไม่รู้สึกตัว หมดสติ
อาการผู้ป่วยถูกต่อยมากกว่า 1 จุด
อาจเกิดการสะสมพิษจนทำให้มีอาการป่วยที่รุนแรงขึ้นได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่ป่วยด้วยโรคหัวใจ หรือมีปัญหาการหายใจ โดยอาการป่วยที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ
- คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องร่วง
- ปวดศีรษะ
- รู้สึกเวียนศีรษะเหมือนบ้านหมุน
- มีอาการชัก
- มีไข้
- วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม
พิษผึ้งคือ Apitoxin(เอพิทอกซิน)
Apitoxin นั้นประกอบไปด้วยสารเคมีหลายตัวเลยครับ (ตรงนี้อ่านผ่านเร็วๆได้เลย) เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
Enzymes
- Phospholipase A2, Hyaluronidase, Acid Phospomonoesterase, α-D-Glucosidase, Lysophospholipase
Peptide Components
- Melittin, Apamin, Mast Cell Degranulating Peptide, Secapin, Tertiapin, Protease Inhibitor, Histamine-containing Peptides
Nonpeptide Components of Low Molecular Mass
- Biogenic Amines, Histamine, Catecholamines, Free Amino Acids
สารเหล่านี้ เป็นพิษต่อเนื้อเยื่อบริเวณที่โดนสารนี้โดยตรง รวมทั้งอวัยวะที่มีเลือดไปเลี้ยงเยอะๆ พร้อมทั้งยังกระตุ้นระบบภูมิแพ้ในร่างกายให้ทำงานมากขึ้น
เมื่อถูกอะไรต่อย..ควรมีการเช็คสักนิดว่าเป็นตัวอะไร..หรืออย่างน้อยก็ดูอาการหรือที่แผลร่วมด้วย เพื่อที่จะได้ดูแลหรือรักษาได้เร็ว..อาการก็จะไม่รุนแรงมากนัก..ประสบการณ์จากผู้ที่ถูกแตนต่อย..ขอเริ่มเหตุการณ์ครั้งที่ 2..(รู้วิธีแก้และปรับการใช้)
>โดนแตนต่อย..ครั้งที่2..ผ่านไปเพียง 2 สัปดาห์จากครั้งแรก...โดนอย่างจังที่ใบหู..(ไม่นึกเลยจะมีครั้งที่2..เพราะมีคนบอกว่า แตนไม่มี ไม่เห็นแล้ว..เราชะล่าใจเอง..โดนครั้งนี้จึงได้ค้นหาหารัง..สุดท้ายเจอรังยาวมาก รังกลมกลืนไปกับใบและกิ่งไม้แห้ง..จึงได้จัดการไป เพื่อป้องกันเด็กๆ ที่มาเล่นที่สวนสาธารณะไม่โดนต่อย)..
>เริ่มด้วยการใช้น้ำส้มสายชูใส่ทิชชูแล้วโป๊ะที่แผล 5-10 นาที..ต่อจากนั้นใช้น้ำเย็น (น้ำแข็งใส่ผ้า) ประคบประมาณ 10 นาที..อาการดีขึ้นมาก
>วันรุ่งขึ้นไม่มีอาการเจ็บ แต่ถ้าบีบเล็กๆ ก็จะเจ็บนิดๆ..วิธีนี้ใช้ได้ผลจริงๆ..
เหตุการณ์ครั้งที่ 1..
วันที่ถูกแตนต่อย (ช่วงแรกไม่รู้ว่าเป็นแตน..พอเช็คแล้วไม่มีเข็ม..มีแต่รอยช้ำเลือดที่แผล)..โดนที่คิ้วใกล้ตาอย่างจัง (คิดว่าตาจะบวมเสียแล้ว)..ได้ใช้น้ำแข็งใส่ผ้าแปะไว้..สักพักเปลี่ยนมาใช้ น้ำส้มสายชูใส่ทิชชู แปะแทนน้ำแข็ง..10 นาที่..แล้วก็มาใช้น้ำแข็งอีกครั้ง..ประมาณ 15 นาที่..
..ถูกแตนต่อยครั้งแรกนี้..ปวดหัวนิดๆ..ได้กินยาพาราป้องกันก่อน..1 เม็ด..(กลัวจะปวดหนัก)
>ผ่านไป 1 วัน อาการดีขึ้นเป็นลำดับ..กดตรงแผลเบาๆ เจ็บนิดๆ อาการปวดหัวและอื่นๆ ไม่มีครับ.
✌️วันที่ 2..ได้ลองใช้นิ้วกดตรงแผลที่ถูกต่อยเบาๆ..👌ไม่เจ็บแล้วครับ..แต่..☝️ถ้าหนักมือหน่อยก็จะเจ็บนิดๆ..คงสบายใจได้แล้ว..🤚เพียงกินยาพาราและปฐมพยาบาลวันแรกเท่านั้น..🙍🏽ดังนั้นวันแรกที่เกิดเหตุการณ์...🙎♂️ลองทำตามขั้นตอนที่กล่าวมานะครับ..🤦ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย..🙇อย่างน้อยก็ผ่อนหนักเป็นเบาได้..
หมายเหตุ:🧜♀️🧜♀️การดูแลและพยาบาลเบื้องต้นต่อ แตน ต่อย..กับ..ผึ้งต่อย แตกต่างกันนะครับ..เพราะว่า
🧚🧚พิษผึ้ง มีเข็มและเป็นกรด..ใช้ด่างอ่อนล้างได้ เช่น น้ำสบู่ เบคกิ่งโซดา..จะทานยา Acetaminophen(พาราเซตามอล) และยาต้านการอักเสบ เช่น Ibuprofen(ไอบูโพรเฟน) หรือ diclofenac(ไดโคลฟีแนค) แก้ปวด
และยา CPM(คลอเฟนิรามีน) หรือ Hydroxyzine(ไฮดร๊อกไซซีน) หรือ Cetirizine(เซทไทริซีน) ลดอาการภูมิแพ้ร่วมด้วยก็ได้..
💃💃พิษต่อ แตน เป็นด่าง..ใช้กรดอ่อนๆ ล้างได้ เช่น น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว..จะทานยา Acetaminophen(พาราเซตามอล) และ ยาต้านการอักเสบ เช่น Ibuprofen(ไอบูโพรเฟน) หรือ diclofenac(ไดโคลฟีแนค) แก้ปวด
และยา CPM(คลอเฟนิรามีน) หรือ Hydroxyzine(ไฮดร๊อกไซซีน) หรือ Cetirizine(เซทไทริซีน) ลดอาการภูมิแพ้ร่วมด้วยก็ได้..Cr.idoctorhouse.com, pobpad.com