เรื่องราวจตุคามรามเทพ
จตุคามรามเทพถูกจัดสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยมี “ขุนพันธรักษ์ราชเดช” อดีตนายตำรวจมือปราบ เป็นผู้ร่วมการจัดสร้าง และมีพล.ต.ท. สรรเพชญ ธรรมาธิกุล เป็นประธานในการจัดสร้าง
ต่อมาในปี พ.ศ. 2538 ประเทศไทยเกิดสุริยคราส ซึ่งทางโหราศาสตร์เชื่อว่าเป็นพระราหูกินเมือง ทำให้ประชาชนต่างพากันเสาะหาวัตถุมงคลเพื่อแก้เคล็ดและสะเดาะเคราะห์ ประกอบกับนิตยสารพระเครื่องกรุงสยามเผยแพร่ข้อมูลประวัติการสร้าง ทำให้มีคนบางส่วนรู้จักและหาเช่าไปบางส่วน
ต่อมาปี พ.ศ. 2550 จตุคามรามเทพได้รับความนิยมอย่างยิ่ง หลังมีการพระราชทานเพลิงศพของ "ขุนพันธรักษ์ราชเดช" เกิดการเผยแพร่ประวัติและความขลังของจตุคามรามเทพไปทั่วประเทศ
จตุคามรามเทพฟีเว่อร์เกิดจากอะไร?
ณัชธัญนพ สุขใส ปริญญาโทศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวัฒนธรรมศึกษา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ศึกษาพบว่า กระแสความนิยมในวัตถุมงคลจตุคามรามเทพนั้นมีเหตุการณ์ชี้วัดอยู่ 4 เหตุการณ์ ได้แก่
1. ราคาเช่าบูชาจากเดิมในหลักสิบสูงขึ้นเป็นหลักร้อย พัน หมื่น และหลักล้านภายในระยะเวลาไม่นานนัก
2. จํานวนรุ่นของวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ มีการผลิตสร้างมากกว่า 1,000 รุ่นภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี ชื่อรุ่นมักเน้นส่งเสริมความร่ำรวย เงินทอง การค้าขาย เช่น “เจริญโภคทรัพย์” “รวยล้นฟ้า” “มั่งมีศรีสุข” “เงินไหลมา” “มหา เศรษฐี” “บารมี 10 ทิศ” “โคตรเศรษฐี วัดโพธิ์แก้วประสิทธิ์” “ราชันเศรษฐี” “หัวใจเศรษฐี” “เทิดไท้องค์ ราชันย์” “มหาโชค มหาเศรษฐี” “ทวีโภคทรัพย์” “เสริมทรัพย์ เสริมบารมี” “รวยไม่เลิก” และ “โคตรมหา เศรษฐี 50” เป็นต้น
3. การซื้อขายใบจองวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ หรือก็คือแม้ไม่มีวัตถุมงคลโดยตรง แต่หากมีใบจองรุ่นจตุคามรามเทพที่ตรงกับความต้องการ ก็มีผู้พร้อมซื้อต่อใบจองนั้นในราคาสูงกว่าราคาตั้งต้น
4. การตลาดและการโฆษณามีบทบาทต่อการสร้างความนิยมในวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ อาทิ รถแห่ป้ายวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ เว็บไซต์วัตถุมงคลจตุคามรามเทพซึ่งมีมากถึง 300,000 เว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์ประเภทต่าง ๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หนังสือพิมพ์รายวัน ราย สัปดาห์ นิตยสารพระเครื่อง และหนังสือที่รวบรวมประวัติ ตํานาน รุ่น การจัดสร้าง และพิธีกรรม ซึ่งเกิดขึ้นมหาศาล และติดตลาด
เรื่องราวไอ้ไข่
หลังจากปี พ.ศ. 2550 กระแสความนิยมจตุคามรามเทพค่อย ๆ ซาลง ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจซาและทรงตัวตามไปด้วย แต่ก็มีช่องว่างไม่นานนัก เพราะราว 10 ปีต่อมา กระแส “ไอ้ไข่ฟีเวอร์” ก็เกิดขึ้น
เดิมไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์เป็นที่รู้จักกันแต่ในพื้นที่ในระดับความเชื่อท้องถิ่น แต่โด่งดังขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากมีคนมีชื่อเสียงจำนวนหนึ่งเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับวัดแห่งนี้ ประกอบกับอิทธิพลของสื่อโซเชียลมีเดีย จึงยิ่งทำให้ความศรัทธาแพร่หลายในวงกว้าง ชนิดที่ว่าทั้งประเทศน่าจะมีเพียงน้อยคนที่ไม่เคยได้ยินชื่อ “ไอ้ไข่”
คำบอกเล่า ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ สมัยเจ้าอาวาสพ่อท่านเทิ่ม
เมื่อปี พ.ศ. 2526 พ่อท่านเทิ่ม เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ในขณะนั้นได้จัดสร้างเหรียญบูชาไอ้ไข่ เป็นรุ่นแรก พร้อมกับพัฒนาวัดเรื่อยมา ในเวลานั้นพื้นที่แถบนี้ยังมีความเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ได้มีกองร้อยทหารพรานมาตั้งฐานปฏิบัติการชั่วคราวอยู่ที่วัดเจดีย์ คืนแรกที่มาพักทหารทั้งกองแทบไม่ได้หลับได้นอน เพราะมีเด็กเที่ยวมาหยอกเล่น ดึงแขนดึงขา โดนปืนตีศีรษะบ้าง ล้มราวปืนบ้าง เป็นที่วุ่นวาย
รุ่งขึ้นจึงได้เอาเรื่องนี้มาเล่าให้ชาวบ้านฟัง ซึ่งชาวบ้านก็ได้บอกเล่าให้ทหารกลุ่มนั้นได้รับรู้ถึงเรื่องราวของไอ้ไข่ และบอกให้ทหารกลุ่มนี้บอกกล่าวแก่ดวงวิญญาณไอ้ไข่ และเมื่อทำอาหารรับประทานให้แบ่งอาหารตั้งเป็นเครื่องเซ่นให้กับไอ้ไข่ด้วย เมื่อทำดังนั้นคืนต่อมาทุกอย่างก็สงบ ไม่มีเหตุการณ์รบกวนใดๆ เมื่อทหารพรานเอาเรื่องนี้มาเล่าให้คนภายนอกรู้ ชื่อเสียงของไอ้ไข่ก็รู้จักกันมากขึ้น
“ตอนนี้พอมาเจอในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา คนต้องการที่พึ่ง คนต้องการความหวัง บางคนที่มาที่วัดเจดีย์จะมาขอหวย บางคนแค่มาขอพร ให้ชีวิตดีขึ้น ให้รอดพ้นผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ที่เขาเจอ ทุกคนที่มาก็คือมีความหวัง และเมื่อความหวังนั้นประสบความสำเร็จ มันจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งความศรัทธา แล้วก็มีการบอกต่อ คนที่เขามาแล้วเขาสำเร็จเขาก็ต้องกลับมาอีก ส่วนคนที่ยังไม่มาก็มีความรู้สึกว่า สักครั้งหนึ่งเขาต้องได้มา..
ย้อนกลับไปยังสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย หลวงพ่อทวดพระเถระ ผู้เปี่ยมด้วยญาณบารมี ได้เดินทางไปยังกรุงศรีอยุธยา ในการนั้นท่านได้นำพา เด็กชายผู้หนึ่ง อายุราว 9 ถึง 10 ขวบมาด้วย หมายใจให้คอยปรนนิบัติรับใช้ เมื่อเดินทางมาถึงยังฐานถิ่นวัดเจดีย์ ก็หยุดรั้งรอหมายพบเจอสหธรรมิกครั้งศึกษาพระธรรม ยังเมืองนครศรีธรรมราช นามว่า ขรัวทอง ผู้เป็นสมภารวัด หมายสนทนาพาที ด้วยจิตอันเป็นไมตรีต่อกัน
ดังมีหลักฐานนามถิ่นโพธิ์เสด็จ ไว้เป็นประจักษ์พยานว่ากาลหนึ่ง พระโพธิญาณ (หลวงพ่อทวด) ได้เดินทางมายังธรรมสถานแห่งนี้
ด้วยญาณแห่งพระผู้มีบารมี จึงรับรู้ได้ว่าในภายภาคหน้า สถานที่แห่งนี้จะเป็นหลักสำคัญแห่งพระพุทธศาสนา จึงบอกเด็กชายผู้คอยติดตามว่า
"เจ้าจงอยู่ที่นี่เถิด จะต่อเกิดผลดีศรีสดใสในภายภาคหน้านั้นต่อไป จะเป็นหลักชัยในทางธรรม"
เด็กชายรับปากพระอาจารย์ แล้วตั้งสัตย์ปฏิญาณตามพระอาจารย์สั่ง หลวงพ่อทวด จึงฝากเด็กชายไว้กับ ขรัวทอง เด็กชายกลายเป็นเด็กวัดเจดีย์ คอยอยู่รับใช้สมภาร และดูแลวัดเจดีย์
ดังในตำนานเมืองนครศรีธรรมราช ได้กล่าวถึง เหตุการณ์ครั้นเจ้าพระยาคืนเมืองมีท้องตรามายังเมือง "อลอง" (ตำบลฉลอง ในปัจจุบัน) มีบันทึกว่า
"...มาถึงเมืองอลอง แวะพักหนึ่งคืน นมัสการสมภารทอง มีศิษย์เกะกะชื่อไอ้ไข่เด็กวัด..."
แต่ถึงจะเป็นเด็กเกะกะซุกซนแต่เด็กชายก็เปี่ยมด้วยอานุภาพพิเศษ แปลกแตกต่างจากเด็กทั่วไป ชอบช่วยเหลือผู้คน หากใครมีปัญหาที่หมดปัญญาจะแก้ไข จะต้องมาออกปาก (ไหว้วาน) ทุกคราไป จึงไม่มีใครเกลียดชังถึงจะซุกซนเกเร
ด้วยเป็นเด็กที่จริงจังทั้งวาจา และจิตใจ รับปากใครแล้วเป็นต้องทำให้ได้ ถึงจะเป็นอันตรายก็ตาม ว่ากันว่าควายตัวไหนพยศ หากเด็กวัดจับหางติดจะไม่ปล่อยเป็นเด็ดขาด ถึงควายจะวิ่งอย่างไร จนควายตัวนั้นต้องละพยศหมดฤทธิ์
เมื่อเวลาล่วงผ่านไป ด้วยจิตอันแสดงถึงอานุภาพพิเศษ ก็รับรู้ได้ว่าพระอาจารย์ (หลวงพ่อทวด) กำลังจะเดินทางกลับจากกรุงศรีอยุธยา ด้วยกลัวว่าหากพระอาจารย์กลับมาถึง จะนำพาตนกลับสู่ถิ่นฐานที่จากมา
ด้วยคำสั่งของพระอาจารย์ ที่สั่งให้เฝ้าและดูแลรักษาวัดเจดีย์ และด้วยสัจจะวาจาที่ให้ไว้ เด็กชายจึงเดินลงสระน้ำภายในวัด เป็นการปลดชีวิตตัวเอง ตามภาษาทางศาสตร์ เรียก การเสด็จ หมายสละร่างเหลือไว้แต่ดวงวิญญาณ ไว้คอยปกปักษ์รักษาวัดเจดีย์ สืบมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
ชาวชุมชนวัดเจดีย์ และใกล้เคียง นับถือเคารพ "ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์" ตั้งแต่สมัยบรรพชน สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น นับย้อนหลังไปเป็นเวลาหลายร้อยปี โดยถือว่า "ไอ้ไข่" คือวิญญาณของเด็กศักดิ์สิทธิ์ ที่คอยช่วยเหลือชาวชุมชน และดูแลปกปักษ์รักษาวัดเจดีย์ แต่ไม่ได้มีการสืบค้น หรือมีมีการกล่าวถึงตำนาน เพียงแค่นับถือกันอย่างนั้นมา
จนถึงวันหนึ่งได้เกิดตำนานไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ศิษย์ หลวงพ่อทวด จากบุคคลสำคัญ นั่นก็คือ จอมขมังเวทย์แห่งเมืองนครศรีธรรมราช ท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช (บุตร พันธรักษ์) ที่ได้รับฟังถ้อยคำจากหลวงพ่อทวด ผ่านร่างทรง เมื่อครั้งสมัยจัดสร้างเหรียญหลวงพ่อทวด เมื่อ พ.ศ. 2497 (เนื่องจาก ท่านขุนพันธ์เป็นผู้มีส่วนร่วม ในการจัดสร้างพระชุดนั้นด้วย)
หลวงพ่อทวดถามผ่านร่างทรงว่า ท่านมาจากนครศรีธรรมราช ท่านรู้จักลูกศิษย์เราหรือไม่ เป็นเด็กวัดอยู่ทางทิศเหนือ ของนครศรีธรรมราช ท่านขุนพันธ์จึงสืบหาจนมาประสบพบเจอกับ ผู้ใหญ่เที่ยง เมืองอินทร์ จนได้นับถือเป็นสหาย แลกเปลี่ยนสายวิชากัน ด้วยผู้ใหญ่เที่ยงเอง ก็มีส่วนเกี่ยวข้อง และรู้จัก " ไอ้ไข่" เป็นอย่างดี ท่านขุนพันธ์ จึงได้เจอกับลูกศิษย์หลวงพ่อทวด ที่วัดเจดีย์นามว่า "ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์" ตามคำบอกกล่างของหลวงพ่อทวดผ่านร่างทรง
ซึ่งเป็นไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ที่บรรพบุรุษชาวชุมชนวัดเจดีย์ นับถือสืบกันมา และท่านขุนพันธ์เอง ก็ได้สืบค้นศึกษาจนกลายเป็นตำนาน ไอ้ไข่ศิษย์หลวงพ่อทวด และได้ยืดถือตำนานนี้บอกเล่าสืบต่อกันมา ซึ่งถือว่า ท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช คือ ผู้สืบค้นตำนานนี้เป็นคนแรก
ถ้ามีอาการนอนไม่ค่อยหลับ ภูมิต้านทานน้อย เส้นเลือดตีบ ขอแนะนำ..โปร-เอ็กบี Pro-xB.. สกัดจากธรรมชาติ เห็นผลดีขึ้นตั้งแต่สัปดาห์แรก..ผู้ที่เป็นเบาหวาน ความดัน ทานได้..