คำถามที่พบบ่อยการใช้เครื่องกรองน้ำ
1. ทำไมการกรองน้ำระบบ RO ถึงจะต้องมีน้ำทิ้ง และทิ้งเท่าไร? ได้น้ำผ่านการกรองเท่าไร?
การกรองน้ำระบบ RO (Reverse Osmosis) นั้นเป็นระบบการกรองที่แยกโมเลกุลน้ำสะอาดออกจากสารประกอบอื่นๆ ด้วยไส้กรองที่มีความละเอียดของรูพรุนสูงสุด 0.0001 ไมครอน การคัดแยกนี้จะมีการซึมผ่านเยื่อเมมเบรนได้เฉพาะน้ำบริสุทธิ์เท่านั้น ส่วนน้ำที่มีการปะปนของสารประกอบอื่นๆจะถูกแยกออกมาเป็นน้ำทิ้ง (มิใช่น้ำเสีย)
ซึ่งโดยทั่วไปจะได้น้ำสะอาดสำหรับดื่มประมาณ 40 % และน้ำทิ้ง 60 % แต่ถ้าเปรียบเทียบน้ำดื่มกับน้ำทิ้งส่วนมากจะเป็น 1:1, 1:1.5, 1:2 หรือ 1:3 ขึ้นอยู่กับโฟลว์น้ำทิ้งนั่นเอง
แต่ถ้าจำกัดปริมาณน้ำทิ้งน้อยกว่า 1:1 จะทำให้ไส้กรองเมมเบรนตันเร็ว
2. RO มีน้ำทิ้งเยอะ เอาไปทำประโยชน์อะไรได้บ้าง?
น้ำทิ้งของ RO จะมีปริมาณสารละลายสูง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับแหล่งน้ำเข้ากับอัตราส่วนปริมาณน้ำทิ้ง เช่น ถ้าใช้น้ำประปาในเมือง (ที่โฆษณาว่าดื่มได้) และมีอัตราส่วนน้ำดื่มกับน้ำทิ้ง ดังนี้
1:1 น้ำทิ้งจะมีสารละลาย (TDS) ประมาณ 350-650 ppm
1:2 น้ำทิ้งจะมีสารละลาย (TDS) ประมาณ 260-490 ppm
1:3 น้ำทิ้งจะมีสารละลาย (TDS) ประมาณ 230-440 ppm
(ผู้ผลิตไส้กรองเมมเบรนจะแนะนำให้ใช้อัตราส่วน 1:2, 1:3 หรือ 1:4)
จากข้อมูล อย. กำหนด ค่า TDS สำหรับน้ำดื่มไม่เกิน 500 ppm (รายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ด่านล่าง) นั่นหมายความว่า น้ำทิ้งสามารถสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย เช่น
1. ใช้ถูและทำความสะอาดบ้านและครัว
2. ใช้รดน้ำสวนผักและต้นไม้หน้าบ้านของคุณ
3. ใช้ล้างทำความสะอาดจานและภาชนะ
4. ใช้ทำความสะอาดรถยนต์ ห้องน้ำ หรือราดส้วม
5. อาจจะไม่เหมาะกับการซักล้าง เพราะว่าน้ำกรอง RO จะผ่าน Resin ลดการกระด้างของน้ำหรือทำให้เป็นน้ำอ่อน จะทำให้ล้างผงซักฟอกออกได้ยากหรืออาจต้องใช้น้ำล้างมากขึ้นนั่นเอง
6. เครื่องกรองน้ำใช้จำเป็นกับน้ำประปาไหม?
ปัจจุบันบ้านส่วนใหญ่นิยมมีถังเก็บน้ำเพื่อสำหรับเก็บน้ำไว้ใช้ได้ตลอด แต่ถังน้ำขนาดใหญ่นี้โดยมากขาดการล้างและปล่อยให้มีสิ่งปนเปื้อนที่มากับน้ำสะสมอยู่ภายในถัง เมื่อผ่านไปนานๆสิ่งสกปรกก็ปนเปื้อนเข้าไปในบ้านทำให้เกิดการอุดตันของก๊อกน้ำ เครื่องใช้ไฟฟ้า และคราบสะสมที่สุขภัณฑ์ต่างๆ การติดตั้งเครื่องกรองน้ำใช้จึงช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกเหล่านี้และยืดเวลาในการล้างถังเก็บน้ำให้นานขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตามน้ำประปา จะมีคลอรีนมาด้วยเพื่อฆ่าเชื้อโรค หรืออาจมีสนิมจากท่อประปาก็ได้ บางฤดูอาจมีรสชาดเค็ม และบางครั้งอาจจมีสิ่งแปลกปลอมจากท่อประปาแตกหรือมีการซ่อมของท่อประปา
7. แล้วเครื่องกรองน้ำใช้ช่วยกรองอะไรได้บ้าง?
เครื่องกรองน้ำใช้ที่สารกรองเป็นหินซีโอไลท์นั้น เป็นสารกรองที่สามารถกรองเศษสิ่งสกปรกตะกอนฝุ่นละอองที่ปะปนมากับน้ำ ลดคราบเหล็กและตะกรันที่เกาะตามสุขภัณฑ์ ช่วยดูดซับกลิ่นแอมโมเนียหรือกลิ่นแก๊สไข่เน่า ช่วยให้น้ำมีความสะอาดน่าใช้มากยิ่งขึ้น
8. ใช้งานเครื่องกรองน้ำสักระยะแล้ว น้ำไหลน้อยลง แต่ยังไม่ถึงกำหนดเปลี่ยนไส้กรองเลยเป็นเพราะอะไร?
ในแต่ละพื้นที่มีสภาพของน้ำที่ต่างกัน บางพื้นที่อาจมีความขุ่นของน้ำมากกว่าที่อื่นๆ จึงทำให้ไส้กรองเกิดการอุดตันเร็วกว่าอายุการใช้งานที่กำหนด ซึ่งในลักษณะนี้อาจแนะนำให้มีการติดตั้งตัวกรองหยาบเพิ่มเติมเพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของไส้กรองน้ำ
9. น้ำที่กรองออกมามีกลิ่นคลอรีน หรือกลิ่นแปลกๆ เพราะอะไร?
ไส้คาร์บอนมีประสิทธิภาพในการดูดซับ กลิ่น และสารเคมีได้เป็นอย่างดี ดังนั้นถ้าน้ำที่ผ่านเครื่องกรองออกมาแล้วมีกลิ่นแสดงว่าไส้กรองเสื่อมประสิทธิภาพจากการใช้งานมานานหรือมีการแตกร้าวด้านในของไส้กรองทำให้น้ำที่ไม่ผ่านการดูดซับปะปนออกมา หรือในน้ำมีคลอรีนมาก จึงทำให้ไส้กรองมีอายุสั้น
แนะนำติดตั้งกรองคาร์บอนเพิ่มหรือเปลี่ยนกรองคาร์บอนเมื่อมีกลิ่น หรือใช้เครื่องกรองระบบ RO แทน
10. ระบบ UV จำเป็นแค่ไหนในเมื่อน้ำประปาก็มีการฆ่าเชื้อโรคมาแล้ว?
การฆ่าเชื้อและการบำบัดของน้ำประปานั้น ต้องมีการเดินทางผ่านเส้นท่อที่เต็มไปด้วยการขุดเจาะ ซ่อมแซมหลายสิบกิโลเมตร ย่อมที่จะมีสิ่งปนเปื้อน เศษดิน โคลน สนิมจากท่อเหล็ก และการฆ่าเชื้อด้วยคลอรีนก็ระเหยออกไปสู่อากาศจากการส่งผ่านของท่อ ดังนั้นการฆ่าเชื้อโรคด้วยระบบ UV ที่มีประสิทธิภาพ สามารถฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย 99.99% จึงเป็นการสร้างความมั่นใจได้เป็นอย่างดีว่า จะได้รับน้ำที่สะอาดและปลอดภัย
11. ทำไมไม่ได้ใช้น้ำนานๆ พอมาเปิดน้ำถึงมีกลิ่นแปลกๆ ไม่น่าดื่มเลย
เมื่อไม่ได้ใช้น้ำก็จะมีน้ำค้างอยู่ในกระบอก เมื่อไม่มีน้ำเข้ามาแทนที่เป็นเวลานานก็อาจทำให้เกิดกลิ่นซึ่งเป็นเรื่องปกติได้ดังนั้นก่อนการรองน้ำให้เปิดน้ำทิ้งก่อน ประมาณ 1 - 2 นาที กลิ่นก็จะหายไป ถ้าไม่หายอาจเป็นเพราะไส้กรองอาจหมดอายุหรือเสื่อมประสิทธิภาพ จึงควรเปลี่ยนไส้กรอง
12. รองน้ำใส่ขวดไว้แล้วเกิดเป็นตะไคร่น้ำสีเขียว เกิดจากอะไร?
ปัญหาในลักษณะนี้มักเกิดจากภาชนะที่นำมาบรรจุนั้น มีการปนเปื้อนหรือมีการใช้บรรจุซ้ำหลายครั้ง และอาจได้รับการเร่งปฏิกิริยาจากสิ่งแวดล้อมเช่น แสงแดด หรืออุณหภูมิที่เหมาะสม ก็จะทำให้เกิดตะไคร่ขึ้นได้ภาชนะที่ใช้บรรจุนั้นแนะนำให้ใช้ภาชนะที่สำหรับบรรจุน้ำเท่านั้น และให้เก็บในที่แห้งแสงแดดส่องไม่ถึงรวมทั้งไม่รองน้ำเก็บไว้ครั้งละมากๆ แต่ให้มีการใช้งานเครื่องอย่างสม่ำเสมอจะเหมาะสมกว่า
13.เปิดน้ำหลังกรองออกมาแล้ว เจอแผ่นใยลักษณะเป็นเหมือนวุ้นสีขาว เกิดจากอะไร?
ในลักษณะนี้น่าจะเกิดจากแบคทีเรียที่เข้าไปสะสมอยู่ในทางเดินของน้ำ แล้วจับตัวกันเกาะเป็นแผ่นบางๆ ซึ่งจะหลุดปะปน
17. น้ำไหลเบาลงเกิดจากอะไร?
เมื่อใช้งานไส้กรองน้ำไปสักระยะหนึ่ง ไส้กรองก็ต้องเกิดการอุดตันเป็นเรื่องปกติ ทำให้น้ำไหลช้าลงได้แต่ทั้งนี้ต้องมีการตรวจสอบอายุการใช้งานไส้กรอง การหักพับของสายน้ำ หรือแรงดันน้ำประปาว่าปกติหรือไม่เพราะบางครั้งที่น้ำไหลเบาก็ไม่ได้เกิดจากการอุดตันของไส้กรองอย่างเดียว
18.จะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนไส้กรองน้ำแล้ว
โดยปกติแล้วบริษัทจะมีระบบการแจ้งเตือนเมื่อถึงกำหนดเวลา โดยเปลี่ยนตามอายุของแต่ละไส้กรองเป็นหลักแต่ในการใช้งานนั้นสามารถสังเกตได้จากความผิดปกติในการใช้งานได้ เช่น น้ำที่กรองออกมามีกลิ่นผิดปกติมีกลิ่นเหมือนสารเคมีปนมากับในน้ำ หรืออัตราการไหลของน้ำที่ช้าลง ก็น่าจะถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรองได้แล้ว รายละเอียดระยะเวลาเปลี่ยนไส้กรองอยู่ด้านล่าง
19. ถ้าใช้ไส้กรองเกินกำหนดเวลาการเปลี่ยนไส้กรอง จะมีผลเสียอย่างไร?
ระยะเวลาในการเปลี่ยนไส้กรองที่แนะนำนั้นมีการทดสอบว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมแล้ว การใช้งานไส้กรองที่เกินกำหนดการเปลี่ยนนั้น อาจทำให้เราดื่มน้ำจากไส้กรองที่เสื่อมประสิทธิภาพการทำงาน ได้น้ำไม่สะอาดเท่าที่ควร
20.เครื่องกรองสามารถทนแรงดันน้ำได้เท่าไร?
เครื่องกรองสามารถทนแรงดันน้ำได้ที่ 4 Bar ซึ่งโดยปกติน้ำประปาจะมีแรงดันอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 1 - 1.5 Barแต่ในส่วนของบ้านลูกค้าที่มีการติดตั้งปั๊มน้ำเพิ่มเติมหรือที่ติดตั้งเป็นคอนโดฯ จะมีแรงดันน้ำที่มากขึ้น แนะนำให้มีการตรวจวัดแรงดันน้ำก่อนการติดตั้งถ้ามีแรงดันน้ำสูง (ตั้งแต่ประมาณ 3 Barขึ้นไป) แนะนำให้มีการติดตั้งวาล์วลดแรงดันน้ำเพื่อเป็นการลดการขยายตัวของชุดกระบอกที่ต้องทนแรงอั้นของน้ำเป็นเวลานาน ปัญหาแรงดันสูงอั้นในกระบอกนั้น แรกๆอาจยังไม่มีการรั่วซึม แต่เมื่อมีการใช้งานนานขึ้น แรงดันที่อั้นอยู่จะดันให้เนื้อกระบอกขยายตัวออกได้ ดังนั้นเมื่อมีการติดตั้งกับน้ำที่มีแรงดันสูง จึงสมควรติดตั้งชุดลดแรงดันด้วย
การล้างทำความสะอาดไส้กรองแต่ละแบบทำอย่างไร?
- ไส้กรอง PP ให้ทำความสะอาดด้วยการถอดออกมาแล้วใช้น้ำฉีดทำความสะอาดผิวภายนอกให้สะอาดได้
ห้ามใช้แปรงหรือของแข็ง ถูบริเวณตัวไส้กรอง เพราะจะทำให้ไส้หลุดร่อน ฉีกขาดได้
- ไส้กรอง คาร์บอนบล็อก 0.5 และ 0.3 ไมครอน ให้ถอดออกมาใช้น้ำฉีดทำความสะอาดและใช้แปรงนิ่มขนอ่อน
เช่น แปรงสีฟัน ขัดบริเวณที่สกปรกให้สะอาด แล้วประกอบเข้าที่เดิม
- ไส้กรองเรซิ่น ทำความสะอาดด้วยการเตรียมน้ำเกลือ 10 % ( เกลือ 100 กรัม/น้ำ 1 ลิตร ) แล้วนำไส้กรองลงไปแช่
ให้ท่วมไส้กรอง เขย่าให้เม็ดเรซิ่นด้านในให้เกิดการเสียดสีกัน เพื่อให้เกิดการคายประจุออกมาเป็นการฟื้นฟู
ประสิทธิภาพการกรอง ใช้เวลาประมาณ 25 – 30 นาที แล้วล้างน้ำเปล่าให้หมดความเค็ม
เสร็จแล้วให้ประกอบเข้าที่ โดยตรวจดูการใส่ไส้กรองให้ถูกต้องด้วย
(สำหรับไส้กรองเที่ป็นบล๊อค..ขอแนะนำเปลี่ยน เมื่อถึงกำหนดเวลา..จะได้คุณภาพน้ำที่ดีกว่า)
2.2 ไส้กรองน้ำ เเกร็ดคาร์บอน GAC (Granular Activated Carbon)
ไส้กรองเกร็ดคาร์บอน (GAC) เป็นไส้กรองที่บรรจุคาร์บอนไว้ในกระบอกแต่ไม่ได้อัดแท่ง คุณสมบัติเด่นคือ ทำให้พื้นผิวของคาร์บอนสัมผัสกับน้ำได้มากขึ้น เพราะเกร็ดคาร์บอนจะคลุกเคล้าเข้ากับน้ำ ทำให้ความสามารถของคาร์บอนได้ทำหน้าที่เต็มที่ในการดูดซับคลอรีน สี สารเคมีต่างๆ แต่ความสามารถในการกรองจะสู้คาร์บอนบล็อกไม่ได้ เหมาะกับบ้านที่ต้องการลดปัญหากลิ่นของคลอรีน
5. ไส้กรองน้ำเรซิ่น (Ion Exchange)
ไส้กรองเรซิน จะช่วยเรื่องการลดปริมาณหินปูน ช่วยให้น้ำไม่กระด้าง โดยหลักการทำงานคือ แลกเปลี่ยนประจุ (Ion Exchange) โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการดูดสารละลายจำพวกหินปูน (Ca แคลเซียม และ Mg แมกนีเซียม) แล้วจะทำการปล่อยประจุที่เป็น Na โซเดียม ให้กับน้ำ ทำให้น้ำมีปริมาณหินปูนลดลง ลดการเกิดนิ่ว ทำให้น้ำไม่กระด้าง และผลทางอ้อมคือทำให้น้ำมีรสชาดหวานและมีความนุ่มนวลในการดื่ม เรซินมีความจำเป็นสำหรับน้ำดิบที่เป็นน้ำกระด้าง เช่น น้ำบาดาล น้ำกร่อย เพื่อช่วยลดปริมาณหินปูนในระบบ การดูแลรักษาเรซิน คือการล้างเรซินด้วยน้ำเกลือ
สามารถถอดล้างและฟื้นฟูประจุได้ใหม่ด้วยการล้างน้ำเกลือ 10 %
: อายุการใช้งานประมาณ 6-12 เดือน หรือ 3, 000 ลิตร
6. ไส้กรองน้ำ เซรามิค (Ceramic)
ไส้กรองเซรามิค เป็นไส้กรองทำที่จากเซรามิค นำมาอัดแท่ง ซึ่งคุณสมบัติของเซรามิคคือ มีช่องว่างระหว่างเนื้อเซรามิค ประมาณ 0.1-0.3ไมครอน ซึ่งสามารถกรองเชื้อแบคทีเรียได้ และมีข้อดีอีกข้อ คือสามารถนำมาล้างทำความสะอาดได้ ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อยๆ เป็นไส้กรองที่นิยมในสมัยก่อนที่จะมีระบบRO สังเกตคือ น้ำดื่มบรรจุขวดในถังขุ่นหรือขวดขุ่น (ยังมีให้เห็นอยู๋ในบางพื่นที่) ส่วนมากจะมาจากการกรองของระบบเซรามิค
: อายุการใช้งาน ประมาณ 1 ปี
7. ไส้กรองน้ำยูเอฟ (UF: Ultra Filtration Membrane)
เป็นไส้กรองที่มีความสามารถกรอง 0.01-0.03ไมครอน ทำมาจากวัสดุสังเคราะห์ (Synthetic Membrane) ชนิด Ultra Filtration Membrane เป็นระบบกรองน้ำที่ดีรองจาก ระบบ nano และ RO สามารถกรองเชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์ที่มีขนาดเล็ก สิ่งสกปรก ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เจือปนมาในน้ำได้ดี แต่ยังไม่ถึงขั้นกรองเชื้อไวรัสและยังสามารถรักษาแร่ธาตุที่มีประโยชน์ในน้ำไว้ได้ เป็นอีกหนึ่งระบบกรองที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
: อายุการใช้งาน ประมาณ 1 ปี
8. ไส้กรองน้ำไมโคร (MF: Micro Filtration Membrane)
ไส้กรองไมโครฟิวเตรชั่น (MF) เป็นไส้กรองที่มีความสามารถในการกรองอยู่ที่ 0.1-10 ไมครอน ทำมาจากวัสดุสังเคราะห์ (Synthetic Membrane) ชนิด Micro Filtration Membrane สามารถแยกสิ่งสกปรกและสารแขวงลอยต่างๆได้ดี มีน้ำหนักเบา ทำความสะอาดผิวภายนอกได้ง่าย คุณสมบัติใกล้เคียงเซรามิค
: อายุการใช้งาน ประมาณ 1 ปี
9. ไส้กรองน้ำนาโน (NF: Nano Filtration)
ไส้กรองน้ำระบบ Nano Filtration มีความสามารถในการกรอง ประมาณ 0.001ไมครอน ทำมาจากวัสดุสังเคราะห์ (Synthetic Membrane) ชนิด Nano Filtration Membrane ระบบ Nano ได้ถูกนำมาใช้ในหลายอุตสาหกรรม แต่ในระบบกรองน้ำยังมีไม่มาก เพราะเนื่องด้วยมีความสามารถในการกรองที่สูงแต่ไม่มีระบบน้ำทิ้ง จึงทำให้ไส้กรองตันง่ายกว่าระบบUF หรือระบบRO ที่มีการทิ้งน้ำ แต่ในอนาคตอาจเห็นเครื่องกรองน้ำระบบนี้มากขึ้น
: อายุการใช้งาน ประมาณ 1 ปี
10. ไส้กรอง RO Membranes
ไส้กรองน้ำ RO, Reverse Osmosis เป็นไส้กรองที่ทำมาจากวัสดุสังเคราะห์ (Synthetic Membrane) ชนิด RO Filtration Membrane เป็นระบบกรองน้ำที่มีความละเอียดและสะอาดมากที่สุดในปัจจุบัน ด้วยความสามารถในการกรองถึง 0.0001 ไมครอน ซึ่งสามารถกรองได้ถึงระดับไวรัส ทำให้ได้น้ำที่สะอาดปราศจากเชื้อโรค ด้วยว่าไส้กรองมีรูเล็กมาก (เล็กกว่าเส้นผม 500,000เท่า) ทำให้ต้องมีปั้มน้ำในตัว เพื่ออัดน้ำผ่านไส้กรองRO โดยน้ำที่ออกมา จะมีน้ำดีประมาณ 40-50% และน้ำทิ้งประมาณ 50-60% ระบบRO นี้นิยมมากในการมาทำน้ำดื่มบรรจุขวด, อุตสาหกรรมยา, เครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิก ที่ต้องการความสะอาดของน้ำ
ในอดีตเครื่องกรองน้ำRO มีราคาสูงมาก แต่ในปัจจุบันราคาถูกลงมาก เพราะมีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกทำให้มีราคาต้นทุนที่ถูกลง จนกระทั่งมีการโจมตีจากบางส่วน ว่าสะอาดเกินไปเพราะกรองแร่ธาตุออกจนหมด เครื่องกรองน้ำROทำให้ร่างกายเป็นอันตราย(ซึ่งไม่จริง) สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ตาม link ด้านล่าง
: อายุการใช้งาน ประมาณ 1-1.5 ปี
12. ไส้กรองน้ำแร่ (Mineral)
ไส้กรองน้ำแร่ ทำหน้าที่คล้ายไส้กรอง Post Carbon แต่เพิ่มเติมแร่ธาตุเข้าไปด้วย เป็นส่วนเพิ่มเติมเข้ามาสำหรับผู้ที่ต้องการดื่มน้ำแร่ และต้องการดูแลสุขภาพร่างกายเป็นพิเศษ แต่อย่างไร มนุษย์ได้รับแร่ธาตุจากน้ำน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับการรับประทานอาหารในแต่ละวัน ดังนั้นจึงเป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล
: อายุการใช้งาน ประมาณ 1 ปี
13. ไส้กรองน้ำอัลคาไลน์หรือน้ำด่าง
น้ำอัลคาไลน์ ( Alkaline water ) หรือน้ำด่าง คือ น้ำที่มีค่า pH สูงกว่า น้ำดื่มทั่วไป ( Regular water )
ไส้กรองน้ำอัลคาไลน์หรือน้ำด่างจะมีแร่ธาตุ
1. Mineral Stone
2. FIR Mineral Ball
3. Alkaline Ball
น้ำอัลคาไลน์ หรือน้ำด่าง จะมีแร่ธาตุที่มีความเป็นด่าง อาทิเช่น แคลเซียม ( Ca ) โซเดียม ( Na ) แมกนีเซียม ( Mg ) และ โพแทสเซียม ( K )
ไส้กรอง Alkaline ทำหน้าที่ปรับสภาพน้ำ ความเป็นกรดด่าง และเพิ่มแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ เปลี่ยนอนุภาคของน้ำให้เล็กลงทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมแร่ธาตุได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อายุการใช้งานประมาณ 8-12 เดือน
ค่าคอนดักติวิตี้คือการวัดความสามารถของของเหลว สารละลายในการส่งผ่านกระแสไฟ ค่าการนำไฟฟ้าแตกต่างกันไปตามวัสดุหนึ่งไปอีกวัสดุหนึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถในการปล่อยให้ไฟฟ้าไหลผ่าน โปรตอน อิเล็กตรอน และนิวตรอนที่มีอยู่ในวัสดุมีกระแสไฟฟ้าอยู่ โปรตอนมีประจุบวกและอิเล็กตรอนแต่ละตัวมีประจุลบที่พาไปทุกที่ การไหลของอิเล็กตรอนภายในวัสดุเรียกว่ากระแสไฟฟ้า