ให้เอา “เกลือป่น” จำนวน 1 กิโลกรัม กับ “น้ำส้มสายชูหมัก” ชนิด 5 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 1 ขวด ยี่ห้อไหนก็ได้ เทผสมลงในอ่างอาบน้ำที่ใส่น้ำร้อนเตรียมไว้พอที่คนลงไปนอนแช่ท่วมตัว
เมื่อ กวนน้ำให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันได้ดีแล้ว จากนั้นลงไปแช่น้ำในอ่าง โดยใช้เวลาแช่อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10-15 นาที ถ้าหากน้ำในอ่างเย็นลงให้เอาน้ำร้อนเทลงไปตลอด เสร็จแล้วล้างตัวถูสบู่ ทำแช่วันละครั้งทุกวัน จะช่วยบำบัดลดคราบหินปูนที่เกาะตามข้อในร่างกายให้หายได้
อย่างไรก็ตาม ในตำราบอกว่า ก่อนแช่น้ำดังกล่าวต้องออกกำลังกายก่อนอย่างน้อย 10-15 นาที จะช่วยให้หินปูนที่เกาะตามข้อลดลงได้เร็วขึ้น และเมื่อหายแล้วไม่ต้องแช่อีก แต่ต้องออก กำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน จะไม่กลับมาเป็นอีก
A: อาการปวดบ่า ไหล่ ร้าวไปที่แขน ซี่โครงซ้าย อาจเกิดจาก
1. หากอาการปวดเพิ่งเกิดเพียงไม่กี่วัน ก็จะเกิดจากการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เช่น จากการนอนตกหมอน การสลัดคอ สะบัดผม ใช้คอกับไหล่หนีบโทรศัพท์ การนั่งหลับคอพับ โดนรถชนท้าย เป็นต้น
2. หากอาการเป็นมานานแบบเรื้อรัง เกิดขึ้นเป็นๆ หายๆ อาจเกิดจาก
- ท่าทางการทำงานที่ไม่ถูกต้อง การนั่งเก้าและโต๊ะที่ไม่ถูกสัดส่วน มีการโน้มศีรษะมากเกินไป การทำงานที่ต้องเกร็งไหล่ทั้งสองข้าง หรือก้มๆ เงยๆ บ่อย เป็นต้น
- กระดูกคอเสื่อม เป็นผลจากอายุที่เพิ่มขึ้น เคยได้รับบาดเจ็บที่คอ และการทำงานที่ต้องเคลื่อนไหวคอบ่อย ๆ หรือเกิดแรงกดบริเวณคอมากเกินไป หรือเป็นโรครูมาตอยด์
นอกจากนี้ อาจเกิดจากมีเนื้องอกหรือมะเร็งบริเวณกระูกหลังสันคอหรือไขสันหลังและไปกดทับเส้นประสาทได้ แต่พบได้น้อยมาก
ในเบื้องต้น หากเพิ่งปวดไม่นาน แนะนำให้ดูแลรักษาตามอาการไปก่อน โดยอาจใช้การประคบอุ่นบริเวณที่ปวด ใช้ยานวดบริเวณที่ปวด และอาจทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล ไดโคลฟีแนค ไพรอกซิแคม เป็นต้น ร่วมกับยาคลายกล้ามเนื้อ และควรงดการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาต่างๆ ไปก่อน ไม่ใช้คอทำงานหนัก คือไม่ก้มๆ เงยๆ บ่อย ควรใช้โต๊ะทำงานและเก้าอี้ที่ได้สัดส่วนกัน ไม่ต้องก้ม ไม่ทำให้หลังโกง
หากทำงานที่ต้องก้มคอเป็นระยะนานๆ เช่น เย็บผ้า อย่านั่งนานและพยายามเปลี่ยนท่าบ่อยๆ ส่วนเวลานอน ให้ใช้หมอนที่เหมาะสมหนุนบริเวณต้นคอ ไม่หนุนบริเวณศีรษะหรือใช้หมอนที่แข็งหรือสูงเกินไปจนทำให้ศีรษะกระดกขึ้น ไม่ควรนอนคว่ำ เป็นต้น
แต่หากอาการปวดเป็นมานานแบบเรื้อรังแล้ว หรืออาการไม่หายไป ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่
A: เรื่องอาการปวดและชานั้นน่าจะเป็นเรื่องของกล้ามเนื้อหรือปลายเส้นประสาทอักเสบ ซึ่งแนะนำในเบื้องต้นในงดพักการใช้งานหนักๆบริเวณดังกล่าว ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ รับประทานยาแก้ปวดและแก้อักเสบได้ แต่หากปวดมากขึ้น หรือมีประวัติอุบัติเหตุรุนแรงมาก่อนหน้านั้น อาจมีเรื่องกระดูกหัก ที่ควรไปพบแพทย์
ส่วนเรื่องผื่นนูนๆ กดแล้วเจ็บนั้น อาจจะเกิดจากผื่นงูสวัด ซึ่งมักปวดแสบปวดร้อนและชาบริเวณที่เป็นได้มาก ผื่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ การแพ้สัมผัส การถูกแมลงกัด ผดผื่นร้อน เป็นต้น
เบื้องต้นแนะนำให้ใช้น้ำเปล่าล้างทำความสะอาด ไม่ไปแกะเกาบริเวณที่เป็น หากตุ่มนูนนี้เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ปวดแสบปวดร้อนมาก ควรไปพบแพทย์
อาการ: กระดูกข้อเท้าลั่นดังบ่อยมาก เป็นมาหกปีแล้ว เป็นอาการอะไร
Q: สวัสดีครับคุณหมอ นิสัยส่วนตัวของผมเป็นคนชอบทำเท้ายกขึ้นไว้สักพักแล้วก็เหยียดออกไป หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนกระดูกดังมาก ดังแทบทุกครั้งที่ผมทำ(ดังกว่าการดีดนิ้ว ทำแต่ละครั้งพอทำแล้วรู้สึกเหมือนเราหายเมื่อย)เวลาทำแล้วก็ไม่รู้สึกเจ็บหรือมีผลข้างเคียงใดๆ ส่วนตัวแล้วเป็นคนออกกำลังกาย ชอบเดินหรือวิ่งบ่อยๆ ปัจจุบันอายุ26 แต่อาการแบบนี้เริ่มเป็นตั้งแต่ 20ครับ
A: อาการได้ยินเสียงในข้อนั้นอาจเกิดจากการขยับในท่าทางที่ผิด ซึ่งเป็นชั่วคราว ข้อเสื่อม แต่ถ้าอายุน้อยก็ยังนึกถึงน้อย น้ำในข้อที่ลดลง หรือ มีปัญหาข้ออักเสบ หรือ เส้นเอ็นอักเสบ เป็นต้น
หากไม่เจ็บ ไม่มีปัญหาในการเคลื่อนไหว คิดว่าน่าจะยังไม่ใช่ภาวะอันตรายใดๆค่ะ
ควรพักการใช้งานข้อ ไม่ไปบิดข้อบ่อยๆ ออกกำลังกายเช่นว่ายน้ำหรือเดินเหยาะๆได้อย่างสม่ำเสมอ
หากยังมีอาการเป็นเรื้อรัง สร้างความเจ็บปวด ข้อผิดรูป เดินลงน้ำหนักไม่ได้ ควรไปพบแพทย์
อาการ: เจ็บตรงโคนนิ้วชี้เท้าซ้าย บวม เดินลงน้ำหนักไม่ค่อยได้ ปวดมาก จะต้องไปหาหมอไหม
Q: เจ็บตรงโคนนิ้วชี้เท้าซ้ายเวลาเป็นจะบวมบ้างนิดหน่อย เวลาเจ็บจะลงน้ำหนักเท้าไม่ค่อยได้ต้องเดินตะแคงเท้าและต้องใส่รองเท้าตลอดเวลา ไม่ทราบว่าเป็นกล้ามเนื้ออักเสบรึเป็นที่กระดูกค่ะ ตอนเป็นครั้งแรกอยู่ๆก็เจ็บเอง เคยเป็นหนักสุดเท้าบวมเดินไม่ได้เลยค่ะตอนนอนก็ปวด เป็นมาหลายเดือนแล้วเป็นๆหายๆไปหาแต่หมออนามัยถ้าไปหาหมอคลีนิคต้องไปหาหมอโรคกระดูกใช่ไหมค่ะ
A: อาการของคุณ เป็นการอักเสบของข้อเล็กๆ มากกว่า จะเป็นที่กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นครับ เพราะถ้าเป็นที่กล้ามเนื้อเส้นเอ็นอยุ่เฉยๆ ไม่เคลื่อนไหว ก็จะไม่ปวดเป็นส่วนใหญ่
สาเหตุอาจเกิดได้จาก
1. โรคเกาท์ เกิดจากมี กรด uric สะสมในข้อมากกว่าปกติ เกิดจากกรรมพันธุ์ พบในคนสูงอายุมากกว่าคนอายุน้อย หลีกเลื่ยงเครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ปีก และผักที่มีแคลเซี่ยมสูง ยอดอ่อน รักษาทานยา NSAID ยาแก้ปวด
2.ข้ออักเสบ จากการติดเชื้อแบคทีเรีย มีเชื้อ strep / staph เข้าไปทำให้เกิดการอักเสบ ต้องทานยาต้านจุลชีพ
3.ได้รับบาดเจ็บที่ข้อ นิ้ว มีการเดินเตะ มาก่อน ทำให้มีกระดูก แตกร้าว บวมช้ำ
4.รองเท้าที่ใส่มีการกดตรงข้อนิ้วพอดี ทำให้ไปกดเส้นประสาทและเส้นเอ็น จึงปวดตลอดเวลา
คำแนะนำ ควรไปพบแพทย์ที รพ เพราะอาจต้องเอกซ์เรย์ เจาะเลือดตรวจด้วยครับ ควรไปพบ ศัลยกรรมกระดูก ครับ
อาการ: ปวดไหล่ด้านขวาและต้นคอ ปวดมากกว่าวันแรก เป็นอาการอะไร ควรดูแลอย่างไร
Q: คือว่าเราปวดไหล่ด้านขวาตอนกลางคืนเมื่อวันก่อนค่ะ วันแรกมีแค่ปวดไหล่และต้นคอเท่านั้น แต่พอวันนี้เวลาหายใจเข้าจะปวดไหล่ต้นคอและก็หน้าท้องขวาเหมือนเกร็งค่ะ ปวดมากกว่าวันแรก อยากรู้ว่าตอนนี้เรากำลังเป็นอะไรและควรทำตัวยังไงคะ
A: อาการปวดไหล่อาจจะเกิดจาก
-กล้ามเนื้ออักเสบ มักปวดได้หลายตำแหน่งที่ใกล้เคียงกันwfh สัมพันธ์กับท่าทางและการใช้งานมีจุดกดเจ็บชัดเจน
-เส้นเอ็นบริเวณหัวไหล่อักเสบ
-ข้อไหล่อักเสบ
การดูแลตัวเองเบื้องต้น อาจลองฝึกยืดเหยียดกล้ามเนื้อในช่วงหลังการใช้งาน หรือในช่วงเย็นๆ งดการเกร็งกล้ามเนื้อ งดการใช้งานไหล่ด้านที่ปวดมากไปก่อน รับประทานยาแก้ปวด ยาแกัอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ได้
หากปฏิบัติตัวตามคำแนะนำแล้วไม่ดีขึ้น ยังปวดมาก มีข้อปวด บวม แดง ร้อน มีไข้ กล้ามเนื้ออ่อนแรงร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์
อาการ: ปวดจากที่แคลเซียมเกาะกระดูก จะรักษาได้อย่างไร ต้องดูแลอย่างไร
Q: สอบถามครับคุณพ่อผมมีอากาปวดลึกลริเวณหน้าแข้ง ยิ่งช่วงเช้าจะปวดมากพอทราบคราวๆว่าเป็นแคลเซียมเกาะกระดูก จากการบังเอิญได้รับบาดเจ็บจากออกกำลังกานพอดีเลยได้ x-ray ทำให้พบว่ามีแคลเซียมเกาะกระดูกแถมมาด้วย อยากทราบวิธีการรักษาหรือปฎิบัติอย่างไรให้อาการดีขึ้นหรือหายจากโรค ขอบคุณมากครับ
A: แคลเซี่ยมเกาะกระดูก เข้าใจว่าคงเป็นที่หัวเข่า ตรงหน้าแข้งเป็นที่เกาะของเส้นเอ็น มักพบมากในผู้สูงอายุที่มีปัญหา ข้อเข่าเสื่อม เกิดความไม่มั่นคงของกระดูกหัวเข่า ร่างกายเลยสร้างแคลเซี่ยมมาเสริมให้มั่นคงขึ้น
คำแนะนำ ความจริง ไม่ใช่โรคเป็นการเปลี่ยนสภาพตามความเสื่อมของร่างกายตามอายุขัย ถ้าไม่มีอาการเจ็บปวดหัวเข่าบวมอักเสบ หรือขัดขวางการเดิน การออกกำลังกายก็ไม่ต้องทำอะไรมากครับ ถ้ามีอาการควรปรึกษาแพทย์ศัลยกรรมกระดูก เบื้องต้น
- ต้องทานยาแก้ข้ออักเสบ และทำกายภาพบำบัด ฟื้นฟูกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น หัวเข่าให้แข็งแรง
- ลดน้ำหนักให้ BMI ไม่เกิน 23 หรือส่วนสูง ลบ 100
- ถ้ามีโรคเรื้อรังอื่นๆต้องรักษาพร้อมกันด้วยเช่น เบาหวาน ไทรอยด์ไขมันสูง ไตวาย เพราะ
เป็นปัจจัยหนุนให้เป็นมากขึ้น
- สุดท้ายถ้าทานยา ทำกายภาพบำบัดไม่ได้ผลก็ต้องเปลี่ยนหัวเข่าใหม่ แต่ปัจจุบันมีรายงานทางการแพทย์ว่า สามารถใช้ Stem cell เพื่อรักษาหัวเข่าได้แล้ว ที่ รพ ตำรวจ ลองติดต่อได้ครับ