ผลการคำนวณของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแม่นยำมาก เซอร์แฮรี ออด บันทึกเหตุการณ์ไว้ซึ่งต่อมาหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ได้แปลเป็นภาษาไทยในงานหว้ากอรำลึก ณ ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ เมื่อ พ.ศ. 2518 ว่า "พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระสำราญมาก เพราะการคำนวณเวลาสุริยุปราคาของพระองค์ ได้พิสูจน์แล้วว่าถูกถ้วนที่สุด ถูกถ้วนยิ่งกว่าที่ชาวยุโรปได้คำนวณไว้"
โดยพระองค์ทรงสถาปนาระบบเวลามาตรฐานขึ้นในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2395 โดยสร้างพระที่นั่งภูวดลทัศไนยขึ้นในพระบรมราชวัง ใช้เป็นหอนาฬิกาหลวงบอกเวลามาตรฐานของประเทศไทยสมัยนั้น โดยมีพนักงานตำแหน่งพันทิวาทิตย์ เทียบเวลาตอนกลางวันจากดวงอาทิตย์ และพันพินิตจันทรา เทียบเวลาตอนกลางคืนจากดวงจันทร์
‘วิทยาศาสตร์’ เปลี่ยน ‘ประวัติศาสตร์’
หากจะกล่าวว่า “วิทยาศาสตร์” สามารถพลิกหน้าประวัติศาสตร์โลกให้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงก็คงไม่ผิดมากนัก
เพราะหากมิใช่ด้วยการค้นพบทฤษฎีระบบสุริยจักรวาลของนิโคลัส โคเปอร์นิคัส (Nicholaus Copernicus) ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 เราก็จะไม่อาจรู้ว่า ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล โดยมีโลกและดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ โคจรโดยรอบ
เพราะหากมิใช่การประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ (Telescope) ของกาลิเลโอ (Galileo Galilei) ในปี ค.ศ. 1609 เราก็อาจไม่สามารถทำความเข้าใจกับเรื่องระบบสุริยจักรวาลชัดเจนยิ่งขึ้น
เพราะหากมิใช่การสังเกตของเซอร์ ไอแซค นิวตัน (Sir Isaac Newton) เราคงไม่มีวันค้นพบ ‘กฏแรงโน้มถ่วง’
ด้วยเหตุนี้ “วิทยาศาสตร์” จึงส่งผลประโยชน์มากมายต่อมนุษย์ และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งผลของการศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์สามารถเกี่ยวโยงกับความเจริญในด้านต่าง ๆ เช่น การแพทย์ การสื่อสารคมนาคม การเกษตร การศึกษา การอุตสาหกรรม การเมือง การเศรษฐกิจเป็นต้น
5 ความสำคัญของวิทยาศาสตร์
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน วิทยาศาสตร์ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อโลกปัจจุบันและอนาคตอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยนี้ที่วิทยาศาสตร์ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของมนุษย์ทุกคน ทั้งในด้านการดำเนินชีวิต การงานอาชีพ ข้าวของเครื่องใช้รวมถึงผลผลิตต่างๆที่ล้วนแต่จะต้องมีหลักวิทยาศาสร์เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ตลอด ทุกอย่างล้วนเต็มไปด้วยความสะดวกสบายในการทำงานและการดำเนินชีวิตที่มีผลมาจากวิทยาศาสตร์ ความรู้ การคิดวิจัยต่างๆ เรียกได้ว่าวิทยาศาสตร์เป็นตัวช่วยที่ทำให้เกิดเทคโนโลยีและพัฒนาในมีประสิทธิภาพสูงสุดมากที่สุดสำหรับมนุษย์
วิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยี
วิทยาศาสตร์มีความสำคัญในการช่วยสร้างความคิดที่พัฒนาให้มนุษย์ให้ว่าจะเป็นการคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะและศึกษาหาความรู้ในการแก้ไขปัญหาต่างๆได้อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันนี้กับวัฒนธรรมสมัยใหม่ ที่เป็นสังคมแห่งการค้นคว้าและเรียนรู้ ทำให้ทุกคนจำเป็นที่จะต้องคอยศึกษาด้านวิทยาศาสตร์อยู่เสมอ เพื่อที่จะมาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีในปัจจุบันอย่างสร้างสรรค์ มีเหตุผลและพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้ได้มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้ในการอำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์ โดยทั้งหมดนี้ล้วนมีรากฐานมาจากวิทยาศาสตร์ที่ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีทั้งสิ้น
วิทยาศาสตร์กับสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบันนี้ทุกคนล้วนหันมาใส่ใจกับทรัพยากรธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นเพื่อโลกที่ยั่งยืน วิทยาศาสตร์ได้เข้ามามีส่วนช่วยในการพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ส่งเสริมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้สมดุล มีการสร้างพลังงานทดแทน มีการคิดวิเคราะห์ถึงผลเสียต่างๆพร้อมแนวการแก้ไข ทำให้โลกมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นแม้จะเกิดปัญหาธรรมชาติขึ้นบ่อยครั้ง แต่เราก็สามารถควบคุมทุกอย่างให้สมดุลด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์กับเศรษฐกิจ
ปัจจุบันนี้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ช่วยในการเพิ่มความสามารถพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ทำให้ทุกประเทศบนโลกสามารถที่จะต่อยอด แข่งขันและดำเนินชีวิร่วมกันอย่างมั่นคง มีรากฐานและมีความสุข เราจะเห็นได้ว่ามีการนำวิทยาศาสตร์มาประยุกต์เข้ากับเทคโนโลยีต่างๆและใช้ในด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจ การเงิน รวมไปถึงการสร้างผลผลิตและนำไปจัดจำหน่าย ที่เรียกว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับการดำเนินชีวิตของมนุษย์
วิทยาศาสตร์กับการพัฒนาคุณภาพชีวิต
เรียกได้ว่าวิทยาศาสตร์นั้นมีความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพของมนุษย์ให้ดีขึ้นเป็นอย่างยิ่งในชีวิตประจำวันและตลอดชีพ ตั้งแต่คุณลืมตาตื่นขึ้นมาจนถึงกระทั่งก่อนนอนก็ต้องมีวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น วิทยาศาสตร์นำมาซึ่งความสะดวกสบาย ความสุข รวดเร็วและทันสมัยในการดำรงชีวิตในแต่ละด้าน ดังต่อไปนี้
วิทยาศาสตร์ช่วยในการเพิ่มคุณค่าทางสารอาหาร รักษาความสดใหม่และไม่ให้อาหารบูดเสีย สามารถเก็บได้นาน สร้างสารอาหารทดแทน พร้อมทั้งคิดประดิษฐ์และแสวงหาอาหารต่างๆทั้งในพื้นโลก ท้องทะเล อากาศ และอื่นอีกๆมากมาย เรียกได้ว่าวัตถุดิบและอาหารในปัจจุบันนี้มาจากการทดลอง วิจัยและประดิษฐ์ขึ้นมาโดยใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐาน ยิ่งโดยในปัจจุบันนี้ได้มีอาหารรูปแบบต่างๆเกิดขึ้นมากมาย โดยเน้นความสะดวกสบายและเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาดูแลเรื่องอาหารมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันนี้อัตราผู้เสียชีวิตได้ลดน้อยกว่าแต่ก่อนมาก เนื่องจากมีเทคโนโลยี อาหารและยาเข้ามาช่วยดูแลรักษา มีทางเลือกในการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น น้ำบริโภคที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นโดยการอาศัยวิชาเคมีจากวิทยาศาสตร์ช่วยกลั่นกรองและวิเคราะห์
เรียกได้ว่าปัจจุบันนี้การศัลยกรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์และมีการพัฒนาต่อยอดให้มีประสิทธิภาพมีหลายทางเลือก มีการบรรเทาความเจ็บปวดและคิดค้นนวัตกรรมที่รวดเร็ว ง่ายดายและสะดวกต่อคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่าในสมัยนี้เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ ภาชนะต่างๆที่ได้มีการประยุกต์และพัฒนาให้ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตของคนรุ่นใหม่มากขึ้น คุณสามารถที่จะใช้สิ่งต่างๆได้อย่างปลอดภัย สะดวกรวดเร็ว ในทุกๆด้าน ทั้ง การก่อสร้าง ,รถยนต์,อุปกรณ์เครื่องครัว,ของตกแต่งบ้าน เป็นต้น รวมปึงการสังเคระห์ของเทียมสำหรับการใช้งาน เช่น ยางเทียม,แกรฟไฟต์ เป็นต้น
สิ่งอำนวยความสะดวกที่เสริมสร้างความบันเทิงและสามารถนำมาใช้งานในด้านต่างๆก็ล้วนมาจากวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น กล้องถ่ายรูป โทรทัศน์ สมาร์ทโฟนและอื่นๆอีกมากมาย โดยทุกอย่างจะต้องมีหลักการทางวิทยาศาสตร์มาเกี่ยวข้อง ยิ่งในปัจจุบันนี้ได้มีอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สามารถช่วยในการสร้างความสะดวกสบายและยังนำมาประกอบอาชีพได้อีกด้วย
ที่สำคัญวิทยาศาสตร์ช่วยให้คนในปัจจุบันนี้มีชีวิตอยู่บนความเป็นจริง มีการคิดวิเคราะห์อย่างสมเหตุสมผล ทุกอย่างตั้งอยู่บนรากฐานแห่งการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ถึงแม้จะมีเรื่องงมงาย ความเชื่อทางไสยศาสตร์ และอื่นๆอีกมากมาย แต่วิทยาศาสตร์ก็สามารถที่จะคัดกรองและหาความจริงเข้ามาเป็นตัวช่วยในการยืนยัน เพื่อทำให้เราสามารดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี วิทยาศาสตร์สอนให้คนรู้จักคิดและพัฒนา ซึ่งจำเป็นอย่างในปัจจุบันนี้ที่จะต้องมีเรื่องราวต่างๆและเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง เชื่อว่าในอนาคตวิทยาศาสตร์จะต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดยั้ง เพื่อที่จะสร้างสิ่งใหม่ๆขึ้นมาเป็นตัวช่วยในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ทุกคนจะต้องมีชีวิตที่สะดวกสบาย มีการพัฒนา และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆแน่นอน
1. พบคลื่นความโน้มถ่วงจากดาวนิวตรอนรวมตัวกันครั้งแรก
วารสาร Science เพิ่งประกาศให้เหตุการณ์นี้เป็นสุดยอดการค้นพบทางวิทยาศาสตร์อันดับหนึ่งแห่งปี 2017 โดยหอสังเกตการณ์คลื่นความโน้มถ่วงไลโก (LIGO) และเวอร์โก (VIRGO) ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐฯและอิตาลี ตรวจพบคลื่นความโน้มถ่วงที่ส่งออกมาจากการชนและรวมตัวกันของดาวนิวตรอนได้เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา การรวมตัวกันของดาวนิวตรอนคู่นี้เกิดขึ้นเมื่อ 130 ล้านปีที่แล้ว ในกาแล็กซี NGC 4993 ซึ่งอยู่ห่างจากโลกออกไปราว 1,000 ล้านล้านล้านกิโลเมตร
ดาวนิวตรอนคู่ดังกล่าวมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ราว 10-20% แต่กลับมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างเพียง 30 กิโลเมตรเท่านั้น การชนและรวมตัวกันของดาวนิวตรอนได้ปลดปล่อยพลังงานมหาศาล ทำให้เกิดธาตุที่หนักกว่าเหล็ก เช่นทอง แพลทินัม และยูเรเนียมขึ้น โดยแรงระเบิดเหวี่ยงธาตุเหล่านี้ให้กระจายตัวออกไปทั่วในจักรวาล
ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจจับคลื่นความโน้มถ่วง ซึ่งเป็นระลอกคลื่นของกาล-อวกาศได้สำเร็จมาแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ก็เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากการชนและรวมตัวกันของหลุมดำทั้งหมด ส่วนเหตุการณ์ของคู่ดาวนิวตรอนในครั้งนี้ ยังช่วยพิสูจน์ว่า คลื่นความโน้มถ่วงนั้นเดินทางด้วยความเร็วแสง ตามที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ได้ทำนายไว้ด้วยทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปเมื่อราว 100 ปีก่อนอีกด้วย
2. ฟอสซิลค้นพบใหม่ชี้ บรรพบุรุษมนุษย์ถือกำเนิดมานานกว่าที่คาดนับแสนปี
การค้นพบฟอสซิลกระดูกบางส่วนของมนุษย์โฮโม เซเปียนส์รุ่นแรก ๆ ที่ถ้ำเซเบล อีร์ฮูด ในประเทศโมร็อกโก ซึ่งมีความเก่าแก่ระหว่าง 300,000 - 350,000 ปี ชี้ว่าบรรพบุรุษมนุษย์ยุคใหม่ไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากสถานที่แห่งเดียวในแอฟริกาตะวันออก และมีวิวัฒนาการก้าวกระโดดมาอย่างรวดเร็วตามที่เคยเข้าใจกัน แต่ได้ถือกำเนิดมาก่อนหน้านั้นอย่างน้อย 100,000 ปี และมีวิวัฒนาการอย่างค่อยเป็นค่อยไปในพื้นที่หลายแห่งทั่วทวีปแอฟริกา
การค้นพบครั้งนี้ ทำให้วงการมานุษยวิทยาต้องหันมาเขียนตำรากันใหม่ เนื่องจากความรู้เดิมที่เชื่อกันว่า เมื่อ 200,000 ปีก่อนเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ถือกำเนิดจาก "สวนอีเดน" แห่งใดแห่งหนึ่งในแอฟริกาตะวันออกเพียงแห่งเดียวนั้น ไม่น่าจะเป็นความจริงอีกต่อไป
มีความเป็นไปได้ว่า ในอนาคตอันใกล้อาจมีการค้นพบฟอสซิลของบรรพบุรุษมนุษย์ยุคใหม่ที่เก่าแก่กว่า 500,000 ปี รวมทั้งมีกระแสข่าวว่า ในปี 2018 อาจมีการเผยฟอสซิลของบรรพบุรุษมนุษย์สายพันธุ์ค้นพบใหม่ ที่เก่าแก่เป็นอย่างมากราว 4-7 ล้านปีอีกด้วย
3. จีนส่งข้อมูลระยะไกลด้วยควอนตัมสำเร็จ
นักวิทยาศาสตร์ในโครงการทดลองควอนตัมระดับอวกาศ (QUESS) ของจีน ประสบความสำเร็จในการสร้างช่องทางรับส่งข้อมูลผ่านอนุภาคควอนตัมด้วยดาวเทียมม่อจื๊อ (Micius) ซึ่งเชื่อกันว่าเทคโนโลยีใหม่นี้จะเป็นวิธีการสื่อสารข้อมูลที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงในอนาคต โดยใช้หลักการพัวพันเชิงควอนตัม (Quantum entanglement)
ด้วยหลักการดังกล่าว ดาวเทียมม่อจื๊อสามารถสร้างคู่อนุภาคโฟตอนที่มีความพัวพันกันขึ้นมา และยิงส่งไปยังสถานีรับสัญญาณสองแห่งบนพื้นโลกที่ตั้งอยู่ห่างกัน 1,200 กิโลเมตรในประเทศจีนได้ โดยคู่อนุภาคโฟตอนนี้จะเป็นสื่อรับส่งข้อมูลระหว่างระยะทางดังกล่าวต่อไป โดยความพัวพันเชิงควอนตัมของอนุภาคทั้งสองจะไม่เปิดโอกาสให้มัลแวร์หรือนักเจาะล้วงข้อมูลเข้ามาแทรกแซงกระบวนการเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูลในระหว่างนั้นได้
4. ตัดต่อเบสแก้ไขพันธุกรรมตัวอ่อนมนุษย์ได้ครั้งแรกของโลก
ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็นในมณฑลกวางโจวของจีน ใช้เทคนิคการตัดต่อเบส (Base editing) ขจัดโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียชนิดเบต้า ออกจากรหัสพันธุกรรมของตัวอ่อนมนุษย์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก โดยเทคนิคนี้เป็นการตัดต่อซ่อมแซมข้อบกพร่องทางพันธุกรรมที่เบสเพียงตัวเดียวในดีเอ็นเอ ซึ่งถือว่ามีความก้าวหน้ายิ่งไปกว่าเทคนิคการทำคริสเปอร์ (Crispr) ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังมาก่อน
รศ.หวง จุนจิว ผู้นำทีมวิจัยกล่าวกับบีบีซีว่า "เราเป็นทีมแรกของโลกที่แสดงให้เห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่จะรักษาโรคทางพันธุกรรมในตัวอ่อนมนุษย์แบบเฉพาะจุดและมีผลข้างเคียงน้อย การศึกษานี้ช่วยเปิดทางสู่การรักษาและป้องกันไม่ให้เด็กทารกเกิดมาพร้อมกับโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียชนิดเบต้า หรือแม้แต่โรคทางพันธุกรรมอื่นๆ ด้วย"
5. นาซาค้นพบระบบสุริยะใหม่ Trappist-1
กล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ของนาซาค้นพบระบบสุริยะใหม่ "แทรปปิสต์ - วัน" (Trappist-1) ซึ่งอยู่ห่างจากโลก 40 ปีแสง ประกอบไปด้วยดาวฤกษ์ศูนย์กลางที่มีอุณหภูมิไม่สูงนัก และดาวเคราะห์ขนาดใกล้เคียงกับโลก 7 ดวง เรียงตัวในระยะที่ค่อนข้างชิดกัน ที่สำคัญ ดาวเคราะห์ในจำนวนนี้ 3 ดวงอยู่ในระยะห่างที่เหมาะสมจากดาวฤกษ์ศูนย์กลาง ซึ่งทำให้มีอุณหภูมิในระดับที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต ทั้งคาดว่าอาจมีน้ำบนพื้นผิวดาวเหล่านี้ด้วย
6. ครรภ์มารดาเทียมช่วยลูกแกะคลอดก่อนกำหนดรอดชีวิต
โรงพยาบาลเด็กแห่งเมืองฟิลาเดลเฟียในสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการประดิษฐ์ครรภ์มารดาเทียม และทดลองใช้ช่วยชีวิตลูกแกะที่คลอดก่อนกำหนดเอาไว้ได้ ซึ่งในอนาคตหวังว่าจะพัฒนาเครื่องมือนี้ต่อไปเพื่อใช้ในมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการช่วยชีวิตทารกที่คลอดขณะมีอายุครรภ์ต่ำกว่า 23 สัปดาห์
7. สหรัฐฯอนุมัติยาดัดแปลงยีนรักษามะเร็งครั้งแรก
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯหรือเอฟดีเอ (FDA) มีคำสั่งอนุมัติครั้งประวัติศาสตร์ให้เวชภัณฑ์เพื่อการดัดแปลงพันธุกรรมรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน "คิมเรียห์" (Kymriah) ซึ่งเป็นของบริษัทโนวาร์ตีส สามารถใช้กับคนไข้ทั่วไปได้เป็นครั้งแรก
บริษัทโนวาร์ตีสตั้งสนนราคาสำหรับให้บริการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวที่ 475,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 16 ล้านบาท ซึ่งจัดว่าเป็นเทคนิคการรักษาที่มีราคาแพงที่สุดวิธีหนึ่งของโลก
เทคโนโลยีที่ดูเหมือนจะถูกพูดถึงมากที่สุดในปี 2015 คือ รถยนต์แบบขับเคลื่อนด้วยตัวเอง และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้บริษัทรถยนต์ใหญ่ๆทั่วโลกต่างหันมาพัฒนาเทคโนโลยีที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งได้ระยะทางไกลขึ้น รวมถึงเปลี่ยนมาใช้แหล่งพลังงานจากไฮโดรเจน
คุณ Takahiro Hachigo ซีอีโอของ Honda กล่าวว่าทางบริษัทต้องการสร้างสังคมที่ทั้งผลิต ใช้ และเชื่อมต่อกับพลังงานไฮโดรเจน
ในส่วนของรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง หรือ Driverless Car ก็กำลังขยับใกล้ความเป็นจริงเข้าไปทุกที และเมื่อเร็วๆนี้ รถบรรทุกแบบขับเคลื่อนด้วยตัวเองของ Mercedes ก็สามารถเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการทดสอบวิ่งบนทางด่วนที่การจราจรคับคั่งได้อย่างประสบผลสำเร็จ
เทคโนโลยีอีกแขนงหนึ่งที่ก้าวหน้าไปไม่น้อย คือเครื่องพิมพ์สามมิติหรือ 3D Printer ซึ่งสามารถพิมพ์สิ่งของได้มากมายหลายประเภทตั้งแต่ขนมไปจนถึงรถยนต์ และมีงานวิจัยบางชิ้นที่ระบุว่า อีกไม่นานบ้านที่พิมพ์ออกมาจากเครื่องพิมพ์สามมิติ อาจนำมาใช้แก้ปัญหาขาดแคลนที่อยู่อาศัยได้
คุณ May Yihe ซีอีโอของบริษัท Winsun Engineering บอกว่าทางบริษัทใช้ขยะจากครัวเรือนหรือสิ่งของเหลือใช้ทางอุตสาหกรรม มาเป็นวัตถุดิบสำหรับการสร้างบ้านที่พิมพ์ออกมาจากเครื่องพิมพ์สามมิติ
เทคโนโลยีที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ในช่วงปีที่ผ่านมา คือเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญหาประดิษฐ์ ซึ่งปี 2015 นี้มีการเปิดตัวหุ่นยนต์แบบใหม่หลายชนิด ตั้งแต่หุ่นยนต์รับรองแขก หุ่นยนต์บาร์เทนเดอร์ ไปจนถึงหุ่นยนต์ที่เรียกว่า exoskeleton ที่ทำให้ผู้ป่วยอัมพาตกลับมาเดินได้อีกครั้ง และอวัยวะเทียมที่สามารถควบคุมการทำงานจากสมองของผู้สวมใส่ได้
ศัลยแพทย์ด้านกระดูกและกล้ามเนื้อ Thorvaldur Ingvarsson ระบุว่าเมื่อใส่เซนเซอร์เข้าไปในกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อนั้นจะสามารถรับสัญญาณที่ส่งมาจากสมอง แล้วส่งต่อไปยังอวัยวะเทียมเพื่อให้สมองสามารถสั่งการควบคุมอวัยวะเทียมชิ้นนั้นได้
เทคโนโลยีไร้คนขับหรือโดรน (Drone) มีทั้งแบบบนฟ้า บนบกและในทะเล ซึ่งปี 2015 ถือเป็นปีที่โดรนถูกนำมาใช้ในด้านต่างๆมากที่สุด ตั้งแต่สำรวจใต้ทะเล บินตรวจดูการลักลอบล่าสัตว์ในแอฟริกา ช่วยเกษตรกรสำรวจพื้นที่การเกษตรและวิเคราะห์ผลผลิต บินสำรวจประชากรสัตว์ป่าพันธุ์หายาก ไปจนถึงการใช้ในการขนส่งสินค้าต่างๆ
ซอฟต์แวร์อีกอย่างหนึ่งที่ที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่กำลังเร่งพัฒนาอย่างจริงจังคือ เทคโนโลยีระบบเสมือนจริง หรือ Virtual Reality ที่ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเกมคอมพิวเตอร์ ด้วยแว่นตาครอบศีรษะซึ่งสามารถพาเราเข้าไปอีกโลกหนึ่งได้ทันที
คุณ John Hick ผู้เชี่ยวชาญด้านวิดีโอเกมส์กล่าวว่า Virtual Reality คือเทคโนโลยีที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในขณะนี้ และจะกลายมาเป็นจุดสนใจมากขึ้นในปีที่กำลังจะมาถึง
วารสาร Nature Gene ได้ตีพิมพ์บทความในปี 2016 ซึ่งมาจากงานศึกษาทั้งคนมีปั
Eus van Someren แห่ง Sleep and Cognition Group ที่ The Netherlands Institute for Neuroscience นักวิจัย บอกว่า ขั้นต่อไปคื
Jianyu Li วิศวกรชีวเวช (bioengineer คือนักออกแบบสร้างอวัยวะเทียม ระบบ และอุปกรณ์เพื่อให้เกิ
สาเหตุที่เมือกของสัตว์
กาววิเศษนี้จะช่วยหมอผ่าตั
วัสดุนี้ถักทอกันเป็นแผ่น (mesh) เรียกว่า metal-organic framework (โครงสร้างโลหะ-อินทรีย์) มีช่องเล็กๆ อยู่พรุนไปหมด เหมาะแก่
แผ่นวัสดุนี้จะดูดซับความชื้
การผลิตน้ำโดยไม่ต้
นักวิจัยจาก MIT และ Berkeley ตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสาร Science ในเดือนเมษายน 2017 ประเด็นที่น่าสนใจก็คือนักวิจั
ในอนาคต หากวัสดุนี้ราคาถูกลง ก็จะเป็นเครื่องมือสำคั
หนูจอมอึด naked mole rat หรือมีชื่อเรียกว่า sand puppy / desert mole rat เจ้าหนูประเภทนี้มีหน้าตาน่าเกลียด เพราะมีฟั
mole rat มีลักษณะพิเศษที่ไม่มีความรู้สึ
mole rat ดั้งเดิมอาศัยอยู่ทางตะวั
นักวิจัยที่ University of Illinois at Chicago ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Science เดือนเมษายน 2017 จากการทดลองทำให้ naked mole rats ขาดออกซิเจนเป็นเวลา 18 นาที และอีกการทดลองหนึ่งให้ออกซิ
ในกรณีสัตว์ปกตินั้นจำเป็นต้
ในปี 2045 มนุษย์จะสามารถอัพโหลดข้อมูลจากสมองไปเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ได้ และอีก 90 ปี ข้างหน้ามนุษย์จะเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องจักรหุ่นยนต์เป็นการอิงกับทฤษฎีที่ว่าสมองมนุษย์เป็นคลื่นไฟฟ้าสามารถจัดเก็บข้อมูลความจำต่างๆ เหมือนกับคอมพิวเตอร์ เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายเราเจ็บป่วย หรือใกล้หมดสิ้นลมหายใจเราก็แค่ก็อปปี้ความจำหรือความรู้สึกคิดทุกอย่างในสมองแล้วนำไปอัพโหลดใส่ร่างใหม่เท่านั้นเอง ซึ่งร่างใหม่อาจจะเป็นร่างโคลนนิ่งขึ้นมา
ถ้าพูดถึงปัจจุบันเราอยู่ในช่วงที่ 2 ของเทคโนโลยี หมายถึงการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีจากภายนอกร่างกาย ขั้นตอนต่อไปคือการฝังเทคโนโลยีเข้าร่างกาย หลังจากนั้นจะสามารถใช้หุ่นยนต์แทนร่างกายหรืออวัยวะของตัวเองได้ สิ่งสุดท้ายคือการย้ายความทรงจำในสมองของเราไปที่อยู่ใหม่หรือนร่างใหม่นั่นเอง
วารสาร Science และสมาคมเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อเมริกัน (AAAS) ได้คัดเลือกให้เทคนิคการลำดับอาร์เอ็นเอในเซลล์เดี่ยว (Single-cell RNA sequencing) เป็นความสำเร็จอันดับหนึ่งแห่งวงการวิทยาศาสตร์ปี 2018 โดยวิธีการนี้จะทำให้ทราบถึงการแสดงออกของหน่วยพันธุกรรมหรือยีนที่มีอยู่ทั้งหมดในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ตั้งแต่เพิ่งถือกำเนิดเป็นเซลล์เดี่ยวในตัวอ่อน จนแบ่งตัวและเจริญไปเป็นเนื้อเยื่อรวมทั้งอวัยวะต่าง ๆ ของมนุษย์และสัตว์ที่โตเต็มวัย
เทคนิคนี้เปรียบเสมือนการถ่ายทำภาพยนตร์ที่บันทึกกิจกรรมความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในชีวิตของเซลล์เดี่ยวอย่างละเอียดที่สุด โดยการลำดับอาร์เอ็นเอซึ่งเป็นสารพันธุกรรมชนิดหนึ่งภายในเซลล์ และการใช้เครื่องมือติดตามรอยระดับโมเลกุล (Molecular tracker) จะช่วยให้ติดตามดูได้ว่า เมื่อใดที่ยีนตัวไหนจะถูกเปิดสวิตช์หรือปิดสวิตช์การใช้งาน นำมาซึ่งความเข้าใจในพฤติกรรมของเซลล์แต่ละเซลล์ที่ไม่เหมือนกันในแต่ละช่วงเวลา รวมทั้งความรู้เรื่องวิธีการที่เนื้อเยื่อเติบโต ซ่อมแซมตนเอง หรือเปลี่ยนแปลงไปเมื่อป่วยเป็นโรคเช่นมะเร็งด้วย
ตลอดปี 2018 ที่ผ่านมา มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ใช้เทคนิคนี้ศึกษาสัตว์ต่าง ๆ เช่นปลา กบ และหนอนตัวแบน เพื่อติดตามกระบวนการก่อตัวของเนื้อเยื่อและอวัยวะอย่างแขน ขา หรือหาง เพื่อดูว่าเซลล์ของพวกมันเจริญขึ้นอย่างไร และความผิดปกติในกระบวนการนี้ทำให้เกิดโรคหรือความพิการได้อย่างไรบ้าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการรักษาความพิการ หรือเพาะเลี้ยงอวัยวะเทียมสำหรับมนุษย์ในอนาคต
ทีมนักวิทยาศาสตร์จากห้องปฏิบัติการเจฟเฟอร์สัน (TJNAF) ของสหรัฐฯ ใช้เทคนิคใหม่ตรวจวัดและคำนวณแรงดันภายในอนุภาคโปรตอนได้ถึง 100 เดซิลเลียนปาสคาล (100 decillian Pascal) หรือเท่ากับค่าความดันที่ขึ้นต้นด้วยเลข 1 และมีศูนย์ตามหลังมาอีก 35 ตัว
แรงดันมหาศาลนี้เกิดจากแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม โดยมีทิศทางออกมาจากศูนย์กลางของอนุภาคโปรตอน และทรงพลังกว่าแรงดันที่ใจกลางของดาวนิวตรอน ซึ่งเป็นวัตถุอวกาศที่มีความหนาแน่นสูงยิ่งถึง 10 เท่า
ทีมนักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ของออสเตรเลีย ได้ทำการทดลองเชิงควอนตัมจนพบปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่ชี้ว่า สิ่งที่คนเรามองว่าเป็นสาเหตุที่จะต้องเกิดขึ้นก่อน รวมทั้งผลลัพธ์ที่คาดว่าจะต้องเกิดขึ้นติดตามมาภายหลังนั้น ที่จริงแล้วไม่อาจกำหนดลำดับเหตุการณ์ที่จะมาก่อนหรือมาหลังได้อย่างตายตัว
หากถามว่าไก่เกิดก่อนไข่ หรือไข่เกิดก่อนไก่ ? คำตอบในทางกลศาสตร์ควอนตัมจะบอกว่า ทั้งไก่และไข่สามารถเกิดขึ้นก่อนอีกฝ่ายได้ทั้งคู่ แต่ปรากฏการณ์เช่นนี้จะไม่สามารถสังเกตเห็นได้ในชีวิตประจำวันของมนุษย์โดยทั่วไป
มีการพิสูจน์ถึงปรากฏการณ์เชิงควอนตัมดังกล่าว โดยใช้สิ่งที่เรียกว่า "ควอนตัมสวิตช์" (Quantum switch) ซึ่งปล่อยให้อนุภาคของแสงหรือโฟตอนเพียง 1 อนุภาค เดินทางไปในอุปกรณ์ตรวจวัดการแทรกสอดและถูกรบกวนของแสง (Interferometer) ที่แยกเป็นสองเส้นทาง
ในแต่ละเส้นทางโฟตอนจะต้องเดินทางผ่านเลนส์สองตัวซึ่งถูกจัดวางไว้ในลำดับที่แตกต่างกัน ผลวิเคราะห์รูปแบบการแทรกสอดของแสงที่เกิดขึ้นชี้ว่า อนุภาคโฟตอนสามารถเดินทางผ่านเลนส์ทั้งสองชิ้นในสองเส้นทางได้หลายแบบ โดยไม่ต้องผ่านไปตามลำดับการจัดวางของเลนส์ที่เตรียมไว้แต่อย่างใด
ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแอนเจลิส (ยูซีแอลเอ) ของสหรัฐฯ ประกาศความสำเร็จในการปลูกถ่ายความทรงจำ (Memory transplant) จากหอยทากทะเลชนิด Aplysia californica ตัวหนึ่ง ไปให้กับอีกตัวหนึ่งได้แล้ว
มีการทดลองฝึกให้หอยทากทะเลรู้จักสร้างกลไกป้องกันตัว เมื่อส่วนหางถูกสัมผัสด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ โดยหอยทากทะเลที่ถูกฝึกแล้วจะหดตัวเข้าในเปลือกเพื่อหลบกระแสไฟฟ้านานขึ้นราว 50 วินาที
จากนั้นทีมผู้วิจัยได้สกัดเอา RNA ซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลสำคัญในเซลล์ ออกจากระบบประสาทของหอยทากทะเลที่ถูกไฟฟ้าช็อต แล้วนำไปฉีดให้กับหอยทากทะเลที่ยังไม่เคยถูกฝึกให้หลบภัยจากกระแสไฟฟ้ามาก่อน ผลปรากฏว่าหอยทากทะเลกลุ่มหลังเปลี่ยนไปมีพฤติกรรมหดตัวหลบภัยนานขึ้น โดยไม่ต้องถูกฝึกแต่อย่างใด
ผลการทดลองดังกล่าวพิสูจน์ให้เห็นว่าความทรงจำไม่ได้ถูกเก็บรักษาอยู่แต่ในไซแนปส์ (Synapse) หรือรอยต่อระหว่างเซลล์ประสาทตามที่เคยเข้าใจกันมาเท่านั้น แต่ความทรงจำบางประเภทยังถูกเก็บไว้กับ RNA ซึ่งอยู่ในนิวเคลียสของเซลล์ประสาทอีกด้วย ทำให้สิ่งมีชีวิตสามารถโอนถ่ายความทรงจำได้ผ่านการปลูกถ่าย RNA แต่ในขณะนี้วิธีการดังกล่าวยังใช้ไม่ได้กับการโอนถ่ายความทรงจำที่มีรายละเอียดมากและซับซ้อนของมนุษย์
ในศาสนาพุทธ ได้มีพุทธทำนายว่า
“...พระศรีอริยะเมตไตร จะมาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต โลกจะมีความสงบสุข พระศาสนาจะมีความรุ่งเรืองมาก
ประชาชนจะมีความสุขอย่างยิ่ง ไม่มีเรื่องทุกข์กายทุกข์ใจเลย ทุกคนพอใจในความเป็นอยู่ของตน ไม่มีการเบียดเบียนกันและกัน ไม่ต้องกังวลเรื่องคนร้าย หรือขโมยขโจร บ้านช่องไม่ต้องมีประตู ไม่ต้องมีรั้วรอบขอบชิด
คนทุกคนเป็นคนดีหมด ไม่มีคนพาล ไม่มีคนพูดโป้ปดมดเท็จ ไม่มีคนดื่มสุรายาเมา ไม่มีผู้ประพฤติผิดลูกเมียสามีใคร ออกจากบ้านก็ไม่มีใครจำได้ว่าใครเป็นใคร เพราะทุกคนสุภาพ น่ารักสวยงามเหมือนกันหมด
ทุกมุมเมืองจะมีต้นกัลปพฤกษ์ ที่ซึ่งมนุษย์ทุกคนไปขอสิ่งของได้ อยากได้เงิน ทอง ข้าวปลาอาหารทุกอย่าง ก็ขอได้จากต้นกัลปพฤกษ์ นึกจะเดินทางไปมาหาสู่ใครก็สามารถกระทำได้พริบตาเดียวถึง ทุกคนมีความสุข ไม่มีความทุกข์ ได้ทุกอย่างสมดังใจทั้งสิ้น.....”
ในปัจจุบันนี้ เกษตรกรรมยุคใหม่ทำให้เราสามารถทำต้นไม้ผลผลิดอกออกผลได้ตลอดทั้งปี พืชพันธุ์ไม้นานาชนิดจากสถานที่ห่างไกล ก็สามารถนำมาปลูกผลิดอกออกผลได้
ข้าวเหนียว ข้าวเจ้า ข้าวสาลี และธัญชาติต่างๆ สามารถเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวได้ โดยชาวนาไม่ต้องใช้พละกำลังในการเก็บเกี่ยวและหว่านไถ เพราะเรามีอุปกรณ์การเกษตรสำเร็จรูปมากมาย
เงินทอง ก็หาง่าย สามารถหยิบยืมเจ้าหนี้ ได้ล่วงหน้า ทั้งการใช้บัตรเครดิต มีอยู่ทั่วไป
เราสามารถผลิตกระแสไฟฟ้า เป็นไฟส่องสว่างหนทางได้ และโรงไฟฟ้าบางประเภทไม่ได้ใช้น้ำมัน และใช้เชื้อเพลิงเพียงเล็กน้อย เช่นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เป็นต้น
การติดต่อสื่อสารก็แสนสะดวกสบาย การเดินทางก็สามารถเหาะเหินเดินอากาศไปมาหาสู่กันได้ในเวลาอันแสนสั้น มีระบบบริการทั้งออนไลน์และบริการด่วน อย่างได้สิ่งใด ก็เสาะหาได้อย่างง่ายดาย