1. ชูชีพจะช่วยให้ตัวเราลอยอยู่ที่ผิวน้ำ ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนที่ว่ายน้ำเก่งก็ตาม ชูชีพจะช่วยเราได้ในยามที่เราแรงหมด หรือหากหัวเรากระแทกกับอะไรทำให้เราหมดสติก่อนที่เราจะตกน้ำ การที่เราสวมชูชีพไว้จะช่วยเราได้เยอะเลยครับ2. เวลาที่เราตกลงไปในน้ำนานๆ อุณหภูมิของร่างกายเราจะลดลงอย่างรวดเร็ว บางคนอาจจะช๊อค หรือ เป็นตะคริวถ้าเราไม่ได้สวมชูชีพไว้เราอาจจะจมน้ำได้
3. ชูชีพที่ได้มาตรฐาน ปกติแล้วจะเป็นสีสะท้อนแสง และ จะมีแถบสะท้อนแสงติดอยู่ที่ตัวชูชีพ ซึ่งจะทำให้คนเห็นได้ง่ายเวลาที่เราอยู่ในน้ำ

ผมเชื่อว่ากัปตันทุกคนไม่มีใครอยากจะให้เกิดอุบัติเหตุ หรือ เรื่องไม่คาดฝันขึ้นหรอกครับ แต่ถ้าเราเตรียมพร้อมไว้เสมอจะทำให้เราสามารถที่จะรับมือกับสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันได้ดีกว่าอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้ว่าคุณจะเป็นกัปตันที่มีประสบการณ์มากมายขนาดใหน หรือ เก่งขนาดใหน คุณก็ไม่สามารถที่คาดการณ์ได้ว่าเรือลำอื่นที่อยู่รอบๆเราจะทำอะไรบ้าง
และ เวลาที่อยู่ในน้ำต้องบอกว่าเราไม่สามารถที่คาดการณ์อะไรล่วงหน้าได้เลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง บางลำอาจจะคึกคะนองขับเข้ามาข้างๆเรือเราด้วยความเร็วทำให้คลื่นกระทบกับเรือของเราและทำให้เราเสียการทรงตัวจนตกน้ำ หรือ บางทีเราอาจจะวิ่งเข้าไปเจอพายุอย่างไม่คาดฝัน เช่น เวลาที่ขับเรือพ้นแนวเกาะ เจอพายุซัดจนเรือไปชนกับกองหินโสโครกใต้น้ำจนเรือมีปัญหา ถ้าเราได้ศึกษาเกี่ยวกับกฎความปลอดภัยของเรือ และ สวมชูชีพไว้ก็จะช่วยเราได้เยอะมากๆ

การเลือกซื้อเสื้อชูชีพควรจะต้องเลือกแบบที่เราใส่แล้วสบายที่สุด ถ้าตัวใหนที่เราใส่แล้วรู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายตัวควรที่จะเปลี่ยนแบบเลือกดูแบบที่ใส่แล้วเรารู้สึกดีที่สุด
และ ข้อสำคัญที่สุดคือ ต้องซื้อชูชีพที่ได้มาตรฐานเท่านั้นนะครับ เพราะชูชีพที่ได้มาตรฐานเค้าจะมีระบุไว้ว่าชูชีพตัวนั้นๆสามารถที่จะรองรับน้ำหนักได้เท่าไหร่ และ จะมีแถบสะท้อนแสง นกหวีด ครบตามมาตรฐาน
บางตัวขอบอกว่าแบบอาจจะดูสวย แต่ไม่มาตรฐานเลย บางตัวกระโดดลงไปในสระว่ายน้ำ จะทำให้เราหน้าคว่ำ ถ้าแบบนั้นห้ามใช้เด็ดขาด เพราะถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นอาจจะยิ่งทำให้สถานะการณ์เลวร้ายไปกว่าเดิม ดั่งนั้นถ้าใครจะหาซื้อชูชีพสักตัว ยอมเสียเงินแพงขึ้นอีกนิดแล้วซื้อแบบมาตรฐานไว้ใช้เถอะครับ เพราะยังไงชีวิตของเราก็มีค่ามากกว่านั้นมากมาย
ชูชีพในปัจจุบันมีแบบต่างๆให้เลือกมากมาย มีทั้งแบบทีสวยงามใส่สบาย แบบที่มีกระเป๋าสำหรับใส่ของได้ด้วย มีแบบเป่าลม และ อีกหลายแบบเลย
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สายรัด หรือ ซิปทุกสายทุกจุดที่เค้าให้มาเราควรที่จะใส่ให้ครบ ไม่ใช่แค่ใส่ตรงกลาง 2 อัน แล้วจบ เพราะแบบนั้นเท่ากับคุณไม่ได้สวมชูขีพเลย เพราะเมื่อเราตกน้ำถ้าเราไม่รัดสายที่เป้า ชูชีพสามารถที่จะหลุดออกจากตัวของเราได้ และ การที่ใส่เสื้อชูชีพเวลาที่เราอยู่ในน้ำนั้นไม่ง่ายเลย ยิ่งในสภาวะคลื่นลมแรงต้องบอกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

ใส่เสื้อชูชีพแล้วทำไมถึงยังเสียชีวิต
บางทีอาจมีคำถามว่า ใส่เสื้อชูชีพแล้วทำไมถึงยังเสียชีวิต เสื้อชูชีพ นั้นมีหลายแบบ แบบที่เราเห็นตามเรือทั่วๆไปส่วนใหญ่พวกนั้นเป็นแค่เสื้อสำหรับพยุงตัว ไม่ใช่เสื้อชูชีพ เสื้อพวกนั้นไม่สามารถที่จะพลิกให้เรานอนหงายเวลาที่ตกน้ำได้ ถ้าคนที่ใส่เสื้อประเภทนี้หมดสติ เวลาที่ตกน้ำ หน้าอาจจะคว่ำทำให้หายใจไม่ได้ และ เป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตได้ และ อย่างที่ผมได้พูดไว้ว่าเสื้อประเภทนี้เป็นแค่เสื้อสำหรับพยุงตัว และ มีจะมีอัตราการลอยที่ต่ำกว่าเสื้อชูชีพจริงๆ ทำให้สามารถพยุงตัวอยู่ในน้ำได้ไม่นานมาก และ อาจจะทำให้จมน้ำได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การใส่เสื้อชูชีพอยู่ในเรือ บางครั้งจึงไม่การันตีเสมอไปว่าจะรอด เพราะเมื่อ เรือพลิกคว่ำ เสื้อดึงให้เราลอยขึ้นไปติดอยู่ในเรือ ดำน้ำมุดออกไม่ได้ อ้าว...แล้วอย่างนี้จะใส่ทำไม?
คำตอบคือ ถ้าไม่ใส่โอกาสจมน้ำมีมากกว่าครับ เขาจึงแนะนำให้ใส่เสื้อชูชีพทุกครั้งเมื่อลงเรือ เสื้อชูชีพยังไม่ได้ใช้เฉพาะเรือล่ม คุณอาจพลัดตกน้ำโดยที่เรือไม่ล่ม เรื่องนี้เสื้อชูชีพช่วยได้แน่นอน เพราะฉะนั้น ยังไงผมก็ยังแนะนำให้ใส่เสื้อชูชีพทุกครั้งที่ลงเรือ และขอให้ใส่ให้ถูกวิธี เลือกชูชีพที่สมบูรณ์ เหมาะกับขนาดตัว ติดสายให้ครบถ้วน
นอกจากนี้ แม้จะใส่เสื้อชูชีพ ลอยคอกลางทะเล ก็ยังอาจมีอันตราย โดยเฉพาะถ้ามีคลื่นลมรุนแรงหรือเป็นเวลากลางคืน เราต้องคุมสติให้อยู่ อย่าตระหนกตกใจเกินไป การอยู่กับคนอื่น คุยกันเรื่อยๆ จะช่วยลดปัญหาเรื่องนี้ คิดในทางที่ดี ทะเลไทยไม่ใหญ่หรอกครับ หากเกิดอุบัติเหตุตามเส้นทางที่เรือวิ่งทั่วไป ไม่กี่ชั่วโมงก็ช่วยได้ หรือเราก็ลอยอยู่แถวนั้น เดี๋ยวกระแสน้ำก็พัดไปเจอเกาะ เรือประมงในทะเลก็มีเยอะ เรือท่องเที่ยวก็เพียบ ทีมค้นหาก็ชำนาญ ไม่ต้องตกใจ เดี๋ยวก็มีคนมาเจอ อีกแป๊บเดียว สัตว์อันตรายในทะเลแทบไม่มี ฉลามใกล้สูญพันธุ์แล้ว ถึงจะมี ก็ไม่ทำอะไรคุณหรอก
หากคุมสติได้สุดๆ อาจติดน้ำขวดมาด้วย นกหวีด แท่งเรืองแสงหรือไฟฉายเล็กๆ แม้แต่โทรศัพท์ของพวกนี้อยู่ในถุงโอเชี่ยน กันน้ำได้ เวลาออกทริป นอกจากนี้ เวลาไปทะเล ใส่เสื้อสีสดใสมองเห็นแต่ไกล กางเกงขาสั้นเหมาะกับการไปทะเล กางเกงยีนส์ไม่เหมาะ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ถอดชุดที่รุ่มร่ามไปเสีย รวมทั้งรองเท้า
น้ำทะเลไทยอุณหภูมิ 28 องศา อุ่นสบาย ไม่ต้องกลัวหนาวตายเหมือนในหนัง คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ
แบบเสื้อชูชีพ
เสื้อชูชีพแบ่งออกเป็น 5 ประเภท


ประเภทที่ 1 ชูชีพสำหรับออกทะเล หรือ Off Shore PFD
คำว่า PFD เป็นคำที่ย่อมาจากคำว่า Personal Floating Device เสื้อชูชีพประเภทนี้ เค้าออกแบบมาสำหรับให้พยุงตัวได้ในสถานะการณ์คลื่นลมแรงกลางทะเล โดยจะมีคุณสมบัติที่เด่นคือ สามารถที่จะพลิกตัวคนใส่ให้นอนหงายหน้าได้ และ สามารถพยุงตัวได้ในเวลาที่นานพอสมควร
มาถึงตรงนี้ผมขออธิบายเพิ่มเติมนิดนึงนะครับ การที่เสื้อชูชีพต้องออกแบบให้มีคุณสมบัติที่สามารถที่จะพลิกตัวให้คนที่สวมใส่นอนหงายหน้าได้เพราะ ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน ทำให้เราหมดสติตกน้ำ ถ้าเสื้อชูชีพที่เราสวมใส่อยู่ไม่สามารถพลิกให้เราแหงนหน้าขึ้น ด้วยความที่เราหมดสติเราก็อาจจะนอนหน้าคว่ำในน้ำทำให้หายใจไม่ได้ และ เสียชีวิตได้ คุณสมบัติข้อนี้เลยเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นมากๆสำหรับเสื้อชูชีพ
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเสื้อชูชีพที่เราเห็นกันโดยทั่วๆไป ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใหน หรือ แบบใหน และ มีราคาแพงขนาดใหน ล้วนมีเวลาในการลอยตัวทั้งนั้น เพราะวัสดุที่นำมาใช้ในการทำชูชีพนั้นมีค่าการลอยตัวสูญเสีย ที่แตกต่างกัน ตัวที่แพงๆก็จะมีค่าการลอยตัวสูญเสียที่ต่ำกว่า ทำให้ลอยตัวได้นานกว่า
หลายคนอาจจะสงสัยว่า คำว่า ค่าการลอยตัวที่สูญเสีย หมายถึงอะไร คำว่าค่าการลอยตัวที่สูญเสีย ถ้าให้ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น ขอนไม้ที่ลอยอยู่ในน้ำ ถ้าขอนไม้ลอยอยู่ในน้ำนานๆเมื่อเนื้อไม้ได้ซึมซับน้ำเข้าไปในตัวเองจนเต็มขอนไม้นั้นก็จะจมลงสู่ใต้น้ำ เช่นเดียวกันกับเสื้อชูชีพ วัสดุที่ใช้ก็จะค่อยๆซึมซับน้ำเข้าไปทีล่ะนิด เมื่อเค้าซึมซับน้ำเข้าไปจนเต็มที่ก็จะทำให้เค้าสูญเสียค่าการลอยตัว


ชูชีพประเภทที่ 2 เสื้อชูชีพสำหรับน้ำจืด หรือ สำหรับใกล้ฝั่ง หรือ Near Shore PFD
เสื้อชูชีพประเภทนี้ก็คือเสื้อชูชีพที่เราเห็นเค้าใช้กันทั่วๆไป เสื้อชูชีพประเภทมีมีค่าการลอยตัวที่ไม่มากนัก เพราะเค้าออกแบบสำหรับการใช้งานที่ไม่ห่างจากฝั่งมากนัก สามารถที่จะมีคนมาช่วยได้ในเวลาไม่นานนัก เสื้อชูชีพประเภทนี้มีทั้งแบบที่สามารถพลิกให้เราแหงนหน้าได้ และ ไม่ได้ คนที่สวมใส่ต้องรับความเสี่ยงกันเอาเอง แต่ราคาก็ถูกกว่าแบบแรกที่เราพูดถึงไปพอสมควร

ชูชีพประเภทที่ 3 Floating Aid หรือ เสื้อชูชีพสำหรับพยุงตัว
เสื้อชูชีพแบบนี้เป็นชูชีพที่สวมสบาย และ เวลาที่สวมใส่เราสามารถที่จะขยับตัวได้ง่าย แต่เหมาะสำหรับที่จะใช้ในสภาพน้ำที่เรียบๆ และ ตื้นๆเท่านั้น เพราะเสื้อชูชีพประเภทนี้เป็นแค่เสื้อสำหรับใช้ในการพยุงตัวในน้ำเท่านั้น ไม่สามารถที่จะพลิกตัวเราให้หงายหน้าได้ แต่ก็เพียงพอสำหรับใช้ในการเล่นเรือ ตามกฎของ USGC (US Gulf Coast)


แบบที่ 4 Throwable Device
ชูชีพประเภทนี้ไม่ได้มาเป็นรูปแบบของเสื้อ แต่มาในรูปแบบของที่ใช้สำหรับโยนไปช่วยเหลือคนที่อยู่ในน้ำ มีทั้งรูปแบบที่เป็นแบบห่วงยาง และ แบบที่เป็นแผ่น โดยจะมีเชือกผูกไว้สำหรับโยนไปให้คนที่ตกน้ำ และ สามารถที่จะดึงเค้าเข้ามาใกล้ๆเรือได้ แต่อุปกรณ์ประเภทนี้เค้าออกแบบมาสำหรับใช้คู่กับเสื้อพยุงตัว หรือ เสื้อชูชีพ


แบบที่ 5 เป็นแบบที่เค้าทำออกมาเฉพาะสำหรับกิจกรรม
ยกตัวอย่างเช่น เสื้อชูชีพสำหรับคนที่นิยมการล่องแก่ง เสื้อชูชีพประเภทนี้นอกจากที่จะทำให้ไม่จมแล้ว ยังมีคุณสมบัติช่วยกันกระแทกได้อีก เสื้อชูชีพสำหรับใส่ทำงานตามแท่นขุดเจาะน้ำมัน เสื้อชูชีพแบบพองลม ทั้งด้วยมือ และ ออโตเมติก พวกนี้ล้วนจัดเป็นเสื้อชูชีพแบบที่ 5
เสื้อชูชีพแบบนี้เหมือนกับที่แอร์โฮสเตสเค้าสาธิตให้เราดูเวลาที่เราขึ้นเครื่องบิน แต่สำหรับที่ใช้ในเรือหน้าตาอาจจะไม่เหมือนกับอันบนเครื่องบินสักเท่าไหร่
แต่หลักการทำงานจะเหมือนกัน คือ เสื้อชูชีพประเภทนี้จะพองลมด้วยท่อแก๊ส C02 เหมือนที่ใช้ในปืนลม เสื้อแบบนี้ก็ยังมีแยกเป็น 2 ประเภทอีก คือ
1. ประเภทที่ทำงานอัตโนมัติ เมื่อเซนเซอร์โดนน้ำ ท่อแก็สก็จะปล่อยลมออกมาเองอัตโนมัติ
2. แบบที่เราต้องกระตุกเชือกด้วยตัวเราเอง เสื้อประเภทนี้ต้องบอกว่าเป็นเสื้อที่ใส่สบายกว่าเสื้อชูชีพที่เราเห็นทั่วๆไปมาก เพราะมีขนาดที่เล็กกว่า บางกว่า เพราะไม่มีโพมแผ่นอยู่ด้านในทำให้ใส่แล้วยังสามารถทำงาน หรือ ทำกิจกรรมต่างๆได้สบายๆ

การเลือกเสื้อชูชีพ
1. ควรที่จะเลือกเสื้อชูชีพที่สามารถที่จะพลิกให้เรานอนหงายเวลาที่เราตกน้ำได้
2. ควรที่จะดูว่าเสื้อชูชีพตัวนั้นรับน้ำหนักได้เท่าไหร่ เวลาที่เราเลือกซื้อเราควรจะเผื่อน้ำหนักของเราขึ้นอย่างน้อย 3-5 กิโล เพราะเราต้องเผื่อน้ำหนักของเสื้อผ้าของเราเวลาที่เปียกน้ำเอาไว้ด้วย ถ้าเราไม่ได้เผื่อไว้ แล้วน้ำหนักรวมของเราพอดีกับเสื้อชูชีพนั้นๆหรือ น้ำหนักมากกว่าที่เสื้อชูชีพตัวนั้นจะรับไหว ผลที่จะตามมาก็คือ เสื้อตัวนั้นอาจจะพยุงตัวเราในน้ำได้ระยะเวลาสั้นลง
คุณลักษณะของเสื้อชูชีพที่สำคัญ
- แรงลอยตัว ต้องไม่น้อยกว่า 100 นิวตัน
- สามารถพลิกตัวผู้สวมเสื้อชูชีพที่หมดสติให้หงายหน้าขึ้นได้
- มีความแข็งแรงสามารถทนแรงดึงได้ตามที่กำหนด
- มีสีส้มตามมาตรฐานสากล
- ติดแถบสะท้อนแสงตามมาตรฐานสากล
- ติดนกหวีดตามมาตรฐานสากล
- ทนเพลิงไหม้
- ไม่เสียสภาพเมื่อสัมผัสกับน้ำมัน
เสื้อพยุงตัว
ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยพยุงร่างกายของผู้สวมใส่ให้ลอยอยู่ในน้ำได้ แต่ไม่อาจช่วยท่านได้ในทุกสถานการณ์ เนื่องจากท่านจะต้องมีสติและช่วยเหลือตัวเองได้ด้วยส่วนหนึ่ง
เสื้อชูชีพ ตามรีสอร์ต
สำหรับเสื้อชูชีพที่สวมใส่ทั่วไปหรือสวมใส่เวลาไปดำน้ำตื้นในประเทศตามเกาะต่างๆ หรือต่างประเทศก็ตาม มักจะเป็นเสื้อพยุงตัว(แต่นักท่องเที่ยวและเราๆจะเรียกกันว่าเสื้อชูชีพ) เพราะไม่ได้ทำให้ผู้สวมใส่ที่หมดสติ ลอยอยู่ในน้ำในตำแหน่งที่ปากและจมูกพ้นน้ำได้ เนื่องจากเราไปทีก็ไปกันเป็นหมู่คณะ มีความช่วยเหลืออยู่ใกล้เคียง

ข้อควรระวังการใช้เสื้อชูชีพ
1. เราไม่ควรใช้เสื้อชูชีพที่เก่ามากจนเกินไป เพราะเราไม่รู้ว่าโฟมด้านในเสื่อมสภาพไปขนาดใหนแล้ว
2. อย่าวางของหนักทับเสื้อชูชีพ เพราะด้านในของเสื้อชูชีพเป็นแผ่นโฟม ถ้าแผ่นโฟมแตกจะทำให้อัตราการลอย และ การพยุงตัวเสียไป
3. อย่าเอาเสื้อชูชีพไปแขวนไว้ข้างเรือแทนทุ่นกันกระแทก
4. ควรเช็คสภาพของชูชีพที่เราจะใช้ก่อนที่จะลงเรือ ว่าเสื้อชูชีพของเรายังอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานรึเปล่า
5. หลังจากที่ใช้เสื้อชูชีพในทะเลแล้ว เมื่อกลับขึ้นฝั่งควรที่จะซักเสื้อชูชีพด้วยน้ำเปล่า
6. เสื้อชูชีพสามารถนำมาซักได้ แต่ควรที่จะตากให้แห้งก่อนที่จัดเก็บ เพราะเชื้อราอาจจะขึ้นได้ หรือ มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้
7. เวลาที่ใช้เสร็จควรที่จะนำไปผึ่งแดด หรือ ผึ่งลมให้แห้งก่อนที่จะเก็บ เพราะไม่งั้นเชื้อราอาจจะขึ้นได้ และ ถ้าเชื้อราขึ้นจะทำความสะอาดไม่ได้
คุณลักษณะของเสื้อชูชีพที่สำคัญ
- แรงลอยตัว ต้องไม่น้อยกว่า 100 นิวตัน
- สามารถพลิกตัวผู้สวมเสื้อชูชีพที่หมดสติให้หงายหน้าขึ้นได้
- มีความแข็งแรงสามารถทนแรงดึงได้ตามที่กำหนด
- มีสีส้มตามมาตรฐานสากล
- ติดแถบสะท้อนแสงตามมาตรฐานสากล
- ติดนกหวีดตามมาตรฐานสากล
- ทนเพลิงไหม้
- ไม่เสียสภาพเมื่อสัมผัสกับน้ำมัน