วันวาเลนไทน์ ต้องคู่กับ ดอกกุหลาบ ขาดจากกันไม่ได้ การบอกรักด้วยดอกกุหลาบนั้น สามารถบอกถึงนิสัยและความหมายของสีดอกกุหลาบได้ดังนี้
กุหลาบสีแดง (Red Rose) : แทนความหมายว่า “ฉันรักเธอ”
ถ้ามอบดอกกุหลาบสีแดงให้แก่คู่รักนั้นหมายความว่าคุณจริงจัง และอยากใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกับเค้า
กุหลาบสีขาว (White Rose) : แทนความหมายว่า “ความรักอันบริสุทธิ์”
ในความรักที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน
กุหลาบสีชมพู (Pink Rose) : แทนความหมายว่า “ความรักแบบโรแมนติก”
แสดงถึงความรักที่กำลังจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
กุหลาบสีเหลือง (Yellow Rose) : แทนความหมายว่า “ความรักแบบเพื่อน”
ส่วนมากจะนำไปเยี่ยมผู้ป่วย หรือมอบแทนความรู้สึกดี ๆ ให้แก่เพื่อน
ดอกไม้อื่นๆ นอกจากดอกกุหลาบก็มีจัดให้ในวันวาเลนไทน์
ดอกทิวลิปสีแดง : เป็นการแสดงออกถึงความรักอย่างเปิดเผย
ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู :ใช้แทนความหมายว่า "ถึงอย่างไรผมก็ยังรักคุณ"
"คุณยังอยู่ในหัวใจฉันเสมอ"
ดอกลิลลี่สีขาว : แสดงถึงความรักที่บริสุทธิ์
แสดงบถึงความรักที่อ่อนหวานและจริงใจ "ฉันรู้สึกดี ๆ ที่ได้รู้จักและอยู่ใกล้คุณ"
ดอกฟอร์เก็ตมีน๊อต: มีความหมายลึกซึ้งว่า "รักแท้"
สื่อความหมายว่า ได้โปรดอย่าลืมฉัน และอย่าลืมความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กัน
จำนวนดอกบอกรักด้วยกุหลาบ
1 ดอก คือ รักแรกพบ
2 ดอก คือ แสดงความยินดีด้วย
3 ดอก คือ ฉันรักเธอ
7 ดอก คือ เธอทำให้ฉันหลงเสน่ห์
9 ดอก คือ เราสองคนจะรักกันตลอดไป
10 ดอก คือ เธอเป็นคนที่ดีเลิศ
11 ดอก คือ เธอเป็นสมบัติที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
12 ดอก คือ ขอให้เธอเป็นคู่ฉันเพียงคนเดียว
13 ดอก คือ เพื่อนแท้เสมอ
15 ดอก คือ ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ
20 ดอก คือ ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
21 ดอก คือ ชีวิตนี้ฉันมอบเพื่อเธอ
36 ดอก คือ ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
40 ดอก คือ ความรักของฉันเป็นรักแท้
99 ดอก คือ ฉันรักเธอจนวันตาย
100 ดอก คือ ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
101 ดอก คือ ฉันมีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น
108 ดอก คือ เธอจะแต่งงานกับฉันไหม
999 ดอก คือ ฉันจะรักเธอจนวินาทีสุดท้าย
1,000 ดอก คือ ฉันจะรักเธอจนวันตาย
9,999 ดอก คือ ฉันจะรักเธอชั่วนิรันด์
คิดอะไร? เมื่อวันวาเลนไทน์มาถึง
1. คนที่ฟ้าส่งมาให้รักเรามากที่สุดคือ พ่อแม่ เป็นรักไม่มีวันหมดอายุ ไม่มีเงื่อนไข เพราะต่อให้เราอ้วน น่าเกลียด พิการ ทำตัวงี่เง่ายังไง พ่อแม่ก็ยังรักและพร้อมจะเสียสละเพื่อเราเสมอ ดังนั้นในวันวาเลนไทน์ จึงอยากใหคุณๆ ทำดีต่อคุณพ่อคุณแม่ให้มากๆ
2. คนที่ไม่มีแฟนไม่ใช่คนอาภัพน่าสงสารในวันวาเลนไทน์ เพราะคนโสดก็มีความรักได้ และคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือคนที่ไม่มีความรักในหัวใจต่างหากล่ะ อีกอย่าง...คนที่มีแฟน แต่แฟนห่วยแตก ชีวิตเหมือนถูกขังให้ทรมานไปวันๆ น่าสงสารกว่าคนโสดเป็นไหนๆ
3. จากการสำรวจพบว่าในวัยเรียน เด็กคอซอง คนที่ให้ของขวัญบอกรักกันมากที่สุดในวันวาเลนไทน์ ไม่ใช่ คู่รัก แต่เป็น เพื่อน ดังนั้นอย่าเครียดไปเลยที่แม้ว่าจะยังไม่มีแฟนมาควงแขนอวดใครในวันวาเลนไทน์ เพราะถึงยังไง เราก็ยังมีเพื่อนมากมายที่มอบความรักต่อกันได้อยู่นะ
4. กุหลาบราคาแพงไม่ได้แสดงว่าเค้ารักเรามากจริงๆ ดังนั้นอย่าไปเชื่อคำพูดของใครว่า รักเรามาก เพียงเพราะเค้าให้ดอกกุหลาบราคาแพงหูฉี่ เรื่องแบบนี้อยู่ที่ใจล้วนๆ
5. ครูที่ปรึกษาหลายท่านร้องไห้ด้วยความทราบซึ้ง เมื่อลูกศิษย์ประจำห้องมอบดอกกุหลาบวันวาเลนไทน์ให้ท่านคนละดอก ลองวางแผนเซอร์ไพร้ส์ครูดูไหมล่ะ ให้เพื่อนๆ เอาดอกไม้ไปไหว้ครูพร้อมๆ กัน ได้เห็นครูน้ำตาร่วงเพราะซึ้งใจชัวร์ดิ
6. เราสามารถมีวันวาเลนไทน์ได้ทุกวัน แค่เพียงทำทุกวันให้เป็นวันแห่งความรัก ดูแลกันและกันทุกวัน ใส่ใจกันทุกวัน แล้วเธอก็จะพบว่า ไม่ว่าวันไหน โลกก็เป็นสีชมพูได้ แค่เพียงยังมีกันและกันอยู่เสมอ
7. เมื่อเธอมองรอบตัว จะพบสิ่งมีชีวป็นผู้ให้ความรักแก่พวกเขา มีเมตตาแก่พวกเขาดู แล้วเธอจะเต็มอิ่มไปด้วยรักในหัวใจ
8. คนที่ได้ดอกกุหลาบมากที่สุด ไม่ได้หมายความว่าคนๆ นั้นจะมีความรักที่น่าอิจฉาที่สุด ตรงกันข้าม คนที่ไม่ได้ของขวัญวาเลนไทน์ซักชิ้น อาจจะมีรักที่น่าอิจฉาที่สุดเลยก็เป็นได้
9. ของขวัญวาเลนไทน์ที่มีค่าที่สุด อาจลงทุนน้อยที่สุด เช่น การ์ดที่ตั้งใจทำกับมือ ดาวกระดาษที่พับมาเป็นเดือนๆ หรือของราคาถูกแต่ตั้งใจหาซื้อมาด้วยใจ เพราะฉะนั้น อย่าตีค่าความรักของใครด้วยราคาของขวัญที่เค้าให้ เราดูที่การกระทำดีกว่านะ ก็มีค่ายิ่งใหญ่สุดๆ แล้ว
10. เดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรัก กลับเป็นเดือนที่มีวันน้อยที่สุดของปี บอกให้เรารู้ว่า ความรักจะสั้นหรือยาวไม่ได้อยู่ที่วันเวลาที่คบกันมา แต่อยู่ที่การทำทุกนาทีให้มีค่าร่วมกันนะจ๊ะ
11. วันวาเลนไทน์ไม่ใช่วันเสียตัวแห่งชาติ เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะกลายเป็นแฟชั่นแปลกๆ ไปแล้วว่าวาเลนไทน์โรงแรมม่านรูดจะต้องเต็ม! ไม่เวิร์คเลย เพราะที่สุดแล้ว คนที่จะต้องมานั่งเสียใจในภายหลังก็คือเราคนเดียวเท่านั้น การมีอะไรกันไม่ได้บ่งบอกว่ารักกันเสมอไป ควรมีเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
12. วันวาเลนไทน์ แม้จะตื่นเต้นยังไง ก็ยังต้องเรียนหนังสือ ไม่ใช่เอาแต่เหม่อมองรอคอยใครมาให้ดอกไม้ หรือร่าเริงโดดเรียนไปเที่ยวซะงั้น บางคนพอถึง วันวาเลนไทน์ สติแตก เอาแต่วางแผนว่าจะเซอร์ไพร้ส์แฟนยังไง ทำอะไรบ้าง สรุป วันนี้สอบตกเพราะไร้สติโดยสิ้นเชิงล่ะ
13. คนโสดก็มีวาเลนไทน์ที่อบอุ่นได้แค่เพียงรักตัวเอง ขอให้จำไว้เลยว่า แค่เพียงเราใช้วันวาเลนไทน์เป็นวันที่เราดูแลสุขภาพร่างกาย มอบความรัดให้ตัวเอง เราก็จะเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาที่สุดได้อยู่แล้ว
14. อย่าเสียเงินไปซื้อดอกไม้หรือตุ๊กตามาเดินถือ เพียงเพราะกลัวขายหน้าที่ยังไม่มีใครให้ของขวัญวาเลนไทน์ มันเป็นอะไรที่ไร้สาระมากๆ เพราะการเดินมือเปล่าในวันวาเลนไทน์ไม่ใช่เรื่องน่าอายซักกะหน่อย ถ้ารวยนักละก็ เอาเงินไปบริจาคให้เด็กยากจนดีกว่านะ
15. ถ้าอยากให้ของขวัญวาเลนไทน์ที่อยู่นานๆ ต้นไม้ในกระถางก็น่ารักดี ดีกว่าดอกไม้ราคาแพงหูฉี่ แต่สามวันเน่า ลองไปหาซื้อไม้ใบ ไม้ดอกสวยๆ เอามามอบให้กัน ราคาถูกกว่า แถมอยู่ได้นานกว่าด้วย อีกอย่างมันก็มีความหมายเป็นนัยๆ ว่า รักของเราจะมั่นคงยาวนาน เหมือนต้นไม้ที่เติบโตและไม่เหี่ยวเฉาง่ายๆ ถ้าได้รับการดูแลอย่างดี
16. ผู้ชาย 55 เปอร์เซ็นต์มองว่าการให้ดอกไม้วาเลนไทน์เป็นเรื่องไร้สาระ บางคนถือว่าการให้ดอกไม้ผู้หญิงเป็นพวกเชยระเบิด ถ้าจะต้องทำเซอร์ไพร้ส์ให้เราวันวาเลนไทน์ เพราะความรักของเค้าอาจจะไม่ได้โฟกัสที่ตรงจุดนั้น
17. สิ่งที่จะทำให้ผู้ชายซึ้งใจและรักเรามากคือความเข้าใจ ไม่ใช่ของขวัญวาเลนไทน์ราคาแพง เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นเลยที่เราจะต้องอดข้าว อดน้ำเพื่อซื้อของราคาแพงเกินตัวให้เค้า ถ้าเค้ารักเราจริง เค้าคงไม่สบายใจที่เห็นเราต้องทรมานตัวเองแบบนั้นหรอกนะ ความเข้าใจในตัวของเค้าและอยู่กับเค้าโดยสร้างความสุขให้กันได้ทุกวัน สำคัญสุดแล้ว
18. โลกของเราก็อยากได้ของขวัญวาเลนไทน์จากเธอ ลองหันมารักโลก ทำสิ่งดีๆ ให้โลกกันดูไหม เช่น ปลูกต้นไม้ สัญญากับตัวเองว่าจะลดการใช้ถุงพลาสติก ประหยัดไฟ ประหนัดน้ำ ฯลฯ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ
19. ความสำคัญของการมีแฟนไม่ได้อยู่ที่มีคนเดินด้วยในวันวาเลนไทน์เท่านั้น ฉะนั้นอย่าคิดโง่ๆ แค่ว่า อยากมีแฟนเพราะจะได้มีคนมาเดินข้างๆ ในวันวาเลนไทน์ จนต้องรีบควานหาเอาใครก็ได้มาเคียงคู่ เพียงเพราะว้อนท์อยากมีแฟนใจจะขาด แบบนั้นเธอเสี่ยงจะเจอรักคุดหรือรักสุดอะเฟดได้
บางประเทศมีวิธีการบอกรักด้วยการมอบของขวัญเป็นสิ่งต่างๆ ที่แตกต่างออกไปเพื่อจะบอกให้อีกฝ่ายรู้ถึงความในใจ
1. เดนมาร์ก
แม้ว่าวันวาเลนไทน์เป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่ในเดนมาร์ก (นับตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 ) แต่ก็มีธรรมเนียมเล็กๆ เกิดขึ้นที่นี่ แทนที่จะให้ดอกกุหลาบ เพื่อนฝูงและคนรู้ใจจะแลกเปลี่ยนดอกไม้สีขาวที่เรียกว่า snowdrops
อีกสิ่งหนึ่งที่คู่รักจะมอบให้แก่กันในวันนี้คือ “บัตรของคู่รัก” ซึ่งจะมีลักษณะโปร่งใส และมีรูปร่างเหมือนสิ่งที่เขาจะมอบให้กับคนรักในวันวาเลนไทน์ด้วย
หนึ่งในดินแดนแห่งความรักที่โรแมนติกที่สุดในโลก ณ ที่แห่งนี้ คู่รักมักนิยมจดหมายรักให้แก่กันด้วยถ้อยคำที่ทั้งหวานและโรแมนติก
วันวาเลนไทน์เป็นวันหยุดยอดนิยมสำหรับคู่รักหนุ่มสาวในเกาหลีใต้ การเฉลิมฉลองจะมีขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ – เดือนเมษายน
การให้ของขวัญเริ่มขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์เมื่อฝ่ายหญิงมอบช็อกโกแลตให้กับผู้ชายที่ชอบ หากผู้ชายมีใจ (หรือในกรณีที่เป็นแฟนกันแล้ว ฝ่ายชายจะทำ)
ในวันที่ 14 มีนาคมซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อวัน “White Day” พวกเขาจะมอบของขวัญตอบแทนให้กับฝ่ายหญิง นอกจากช็อกโกแลตแล้ว ส้มก็เป็นอีกหนึ่งของขวัญที่นิยมมอบให้คนรักเช่นกัน
และสำหรับคนโสดที่ไม่ได้ฉลองในวันวาเลนไทน์ ที่เกาหลีใต้จะมีวันพิเศษที่คือวันที่ 14 เมษายน ซึ่งนับเป็นวัน “Black Day” หรือวันของคนโสด ซึ่งมีธรรมเนียมที่คนโสดจะดื่มด่ำกับความเหงาด้วยการกินจาจังมยอนในวันนี้
คุณจะไม่พบการฉลองวันวาเลนไทน์ที่นี่ เพราะพวกเขาจะฉลองไปแล้วในวันที่ 25 มกราคม ที่เวลล์มีความโรแมนติกแสนพิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือการมอบช้อนแกะสลักให้กับคนรัก ธรรมเนียมนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ผู้ชายชาวเวลส์จะแกะสลักช้อนด้วยไม้ในรูปแบบที่ซับซ้อนเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความรักสำหรับผู้หญิงที่พวกเขารัก
รูปแบบและสัญลักษณ์ที่ถูกแกะสลักไว้ในช้อนเหล่านี้แต่ละชิ้นมีความหมายแตกต่างกันไป เช่น เกือกม้าหมายถึงความโชคดี ล้อซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการสนับสนุน และกุญแจซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกุญแจสู่หัวใจของมนุษย์
วันวาเลนไทน์สากล ตรงกับวัน Qixi หรือเทศกาลคืนที่ 7 ซึ่งตรงกับวันที่ 7 ของเดือนจันทรคติที่ 7 ในแต่ละปี
ตามตำนานจีน Zhinu ลูกสาวของกษัตริย์แห่งสวรรค์และ Niulang คนเลี้ยงวัวที่ยากจนต่างตกหลุมรักกัน พวกเขาแต่งงานและมีลูกแฝด เมื่อพ่อของฝ่ายหญิงสาวรับรู้จึงแยกทั้งคู่ออกจากกัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อได้ยินเสียงร่ำไห้ของลูกสาว เขาก็ใจอ่อนและยอมให้ทั้งคู่ได้พบกันปีละครั้ง (คล้ายกับวันทานาบาตะของญี่ปุ่น)
ในช่วงวัน Qixi หญิงสาวชาวจีนจะเตรียมผลไม้ที่ตกแต่งแต่งสวยงาม ไว้เซ่นไหว้ Zhinu เพื่ออธิษฐานขอให้สมหวังในการได้พบสามีที่ดี ความสุขและความมั่งคั่ง
ในวันวาเลนไทน์ หญิงสาวชาวอังกฤษจะวางใบกระวาน 5 ใบไว้บนหมอนเพื่อรวบรวมความฝันเกี่ยวกับสามีในอนาคต
ใน Norfolk แจ็ควาเลนไทน์ (คล้ายๆ ซานต้าครอส) ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งมอบของขวัญ เด็กๆ จะกระตือรือร้นรอฟังเสียงเคาะประตูจากแจ็ควาเลนไทน์ เพื่อแอบดูว่าเขาจะวางของขวัญไว้ที่ไหน
การเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์ในฟิลิปปินส์มีความคล้ายคลึงกับการเฉลิมฉลองในประเทศตะวันตก และนำไปสู่การที่คู่รักนับพันอยากฉลองวิวาห์ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์
พิธีแต่งงานที่ได้รับความนิยมในประเทศฟิลิปปินส์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้คู่รักหลายร้อยคู่ มารวมกันที่ห้างสรรพสินค้าหรือพื้นที่สาธารณะทั่วประเทศเพื่อแต่งงานหรือต่อคำสาบานที่มีให้แก่กัน
ประเพณีวันวาเลนไทน์ของอิตาลีที่โดดเด่นคือการที่สาวน้อยวัยแรกแย้มซึ่งยังไม่ได้แต่งงานจะตื่นขึ้นมาก่อนรุ่งสาง เพื่อพบกับว่าที่สามีในอนาคต มีความเชื่อว่าผู้ชายคนแรกที่เธอได้พบในวันวาเลนไทน์คือชายที่เธอแต่งงานด้วยภายในหนึ่งปี หรืออย่างน้อยก็จะมีลักษณะคล้ายกับว่าที่สามีในอนาคตของเธอคนนั้น
ปัจจุบัน ชาวอิตาเลียนจะฉลองวันวาเลนไทน์ด้วยการแลกเปลี่ยนของขวัญระหว่างคู่รักและมื้อเย็นแสนโรแมนติก ของขวัญวันวาเลนไทน์ที่นิยมมากที่สุดคือ Baci Perugina ช็อคโกแลตชิ้นเล็กๆ ที่ถูกห่อด้วยกระดาษพิมพ์คำพูดแสนโรแมนติก 4 ภาษา
ในแต่ละปีชาวบราซิลจะข้ามการเฉลิมฉลองในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ และแทนที่ด้วยการเฉลิมฉลองวัน Dia dos Namorados หรือ “Lovers ‘Day” ในวันที่ 12 มิถุนายนแทน
นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนช็อคโกแลต ดอกไม้ และการ์ดงานเทศกาลดนตรี ที่มีการแสดงอยู่ทั่วประเทศแล้ว การให้ของขวัญยังไม่จำกัดว่าจะต้องให้แค่คู่รักอีกด้วย
ในบราซิลผู้คนจะฉลองความรักในวันนี้ด้วยการแลกเปลี่ยนของขวัญและแบ่งปันอาหารค่ำกับเพื่อนและญาติๆ
ผู้หญิงหญิงสาวในแอฟริกาใต้ที่จะปักรูปหัวใจไว้บนแขนเสื้อที่จะสวมในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พวกเธอจะปักชื่อของคนรักเอาไว้ในหัวใจดวงนั้น
ซึ่งธรรมเนียมนี้ได้รับมาจากประเพณีของชาวโรมันโบราณที่รู้จักกันในชื่อ Lupercalia เชื่อกันว่าเป็นวิธีที่ผู้ชายแอฟริกาใต้จะได้เรียนรู้ถึงความชื่นชมที่มีต่อพวกเขา
เรื่องที่ 1 จดหมายถึงจูเลียต
รู้หรือไม่ทุกครั้งที่วันวาเลนไทน์มาถึง ที่เมืองเวโรนา ในประเทศอิตาลี จะได้รับจดหมายลึกลับกว่า 1,000 ฉบับจ่าหน้าซองถึงจูเลียต ตัวละครในเรื่องโรมิโอกับจูเลียตที่อาศัยอยู่ในเมืองเวโรนา
เรื่องที่ 2 ของขวัญวาเลนไทน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ทัชมาฮาล คือ ของขวัญวันวาเลนไทน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้ โดยทัชมาฮาลถูกสร้างโดยพระราชาชาห์จาฮาน เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานความรักอมตะ ของพระองค์กับพระมเหสี
เรื่องที่ 3 คนที่รับของขวัญวาเลนไทน์มากที่สุดคือ?
จากผลสำรวจพบว่า ครู เป็นคนที่ได้รับของขวัญวาเลนไทน์มากที่สุด รองลงมาคือลูกที่ได้รับของขวัญจากพ่อ แม่ แฟน และสัตว์เลี้ยง
เรื่องที่ 4 ความเชื่อวันวาเลนไทน์
ตามความเชื่อในวันวาเลนไทน์ที่มีมาตั้งแต่โบราณ เชื่อกันว่า ชื่อผู้ชายหรือชื่อผู้หญิงที่คุณได้ยินคนแรกของวันวาเลนไทน์ ไม่ว่าจะตามหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ชื่อคนนั้นคือชื่อของคนรักที่คุณจะได้แต่งงานด้วยในอนาคต
เรื่องที่ 5 ความเชื่อเรื่องนก
ในสมัยก่อนเชื่อว่า ถ้าสาวรายใดเห็นนกโรบิน บินผ่านศีรษะตัวเองในวันวาเลนไทน์ สาวรายนั้นจะได้แต่งงานกับทหารเรือ
และถ้าสาวรายใดเห็นนกกระจอก สาวรายนั้นจะได้แต่งงานกับคนจนแต่มีความสุขในการใช้ชีวิตคู่ตลอดชีวิต
และถ้าได้เห็นนกโกลฟินซ์ สาวรายนั้นจะได้แต่งงานกับเศรษฐี
เรื่องที่ 6 ช้อนแห่งความรัก
ชาวเวลส์ในสมัยก่อนมักนิยมให้ช้อนแห่งความรักแก่คนที่เรารัก ซึ่งมีลักษณะเป็นช้อนไม้ที่แกะสลักด้วยลวดลายแปลกตา
เรื่องที่ 7 รายจ่าย
จากสถิติพบว่า ผู้ชายจะใช้เงินราว 5 พันบาท เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในวันวาเลนไทน์กับคนที่เขารัก
เรื่องที่ 8 วันวาเลนไทน์เมื่อ 700 ปีที่แล้ว
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าแท้จริงแล้ววันวาเลนไทน์เป็นวันที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและเป็นการสวดมนต์ให้นักบุญวาเลนไทน์ ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องโรแมนติกเลยสักนิดเดียว
เรื่องที่ 9 วันวาเลนไทน์ถูกแบน
บางประเทศและบางศาสนา ได้สั่งเเบนวันวาเลนไทน์ เพราะเชื่อว่าวันวาเลนไทน์จะไปกระตุ้นด้านมืดของคนเราให้ออกมา เช่น กรณีในปี 2002 และ 2008 ประเทศซาอุดิอารุเบีย แบนวันวาเลนไทน์ทั้งประเทศ
เรื่องที่ 10 อักษร “X” แทนการ “จูบ”
เชื่อกันว่า อักษร X ที่ใช้แทนการจูบนั้น มาจากในสมัยยุคกลาง ที่คนส่วนใหญ่ในยุคนั้นเชื่อกันว่า X หมายถึงการสาบานด้วยวาจา ดังนั้นชาวคริสต์จึงจูบลงบนเครื่องหมาย X เพื่อแสดงถึงความซื่อสัตย์จริงใจของพวกเขา
เรื่องที่ 11 หัวใจที่ติดบนเสื้อ
ในสมัยยุคกลาง ทั้งชาย และหญิงจะจับชื่อขึ้นมาจากในถ้วย ชื่อที่จับขึ้นมาได้จะเป็นคู่ของคน ๆ นั้น ซึ่งชื่อดังกล่าวจะถูกติดไว้ที่แขนเสื้อของคนที่จับได้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ จึงเป็นที่มาของการติดรูปหัวใจบนแขนเสื้อนั่นเอง
เรื่องที่ 12 ประเทศที่มีวันวาเลนไทน์มากที่สุดในโลก
เกาหลีใต้ คือ ประเทศที่มีวันวาเลนไทน์มากที่สุดในโลก เพราะประเทศเกาหลีใต้มีวันแห่งความรักทุกเดือน โดยเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน จะเป็นช่วงวันแห่งความรักที่สำคัญที่สุด
ในเดือนกุมภาพันธ์ หญิงสาวจะมอบขนมหวานให้กับผู้ชาย พอถึงเดือนมีนาคม ผู้ชายต้องมอบของขวัญให้กับผู้หญิงตอบแทน
เดือนเมษายน เหล่าคนโสดที่ไม่ได้รับของขวัญวันวาเลนไทน์จะมารวมตัวกันกินจาจังมยอน (บะหมี่ราดซอสดำ) ปลอบใจตัวเอง
มีการกำหนดวันวาเลนไทน์ขึ้นครั้งแรกโดยสมเด็จพระสันตะปาปาเกลาซิอุสที่ 1 ใน ค.ศ. 496 ก่อนที่สมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 จะให้ตัดออกจากปฏิทินโรมันทั่วไป (General Roman Calendar) ในปี ค.ศ. 1969
มรณสักขีในศาสนาคริสต์ยุคแรกหลายคนมีชื่อว่าวาเลนไทน์ ซึ่งวาเลนไทน์ที่มีการฉลองในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ คือ วาเลนไทน์แห่งโรม (Valentinus presb. m. Romae) และวาเลนไทน์แห่งเทอร์นี (Valentinus ep. Interamnensis m. Romae)
วาเลนไทน์แห่งโรมเป็นนักบวชในโรมผู้พลีชีพเพื่อศาสนาราว ค.ศ. 269 และฝังที่เวียฟลามีเนีย (Via Flaminia) กะโหลกที่สวมมาลัยดอกไม้ของนักบุญวาเลนไทน์จัดแสดงในมหาวิหารซานตามาเรียในคอสเมดิน โรม เรลิกอื่นพบได้ในมหาวิหารซานตาพราสเซเด (Santa Prassede) ในโรมเช่นกัน เช่นเดียวกับที่โบสถ์คาร์เมไลท์ถนนไวท์ไฟร์เออร์ (Whitefriar Street Carmelite Church) ในดับลิน ประเทศไอร์แลนด์
วาเลนไทน์แห่งเทอร์นี กลายมาเป็นบิชอปแห่งอินเตรัมนา (Interamna, ปัจจุบัน คือ เทอร์นี) ราว ค.ศ. 197 และกล่าวกันว่าเขาได้พลีชีพในช่วงการเบียดเบียนคริสต์ศาสนิกชนในรัชสมัยจักรพรรดิออเรเลียน ศพเขาฝังที่เวียฟลามีเดียเช่นกัน แต่คนละตำแหน่งกับที่ฝังวาเลนไทน์แห่งโรม เรลิกของเขาอยู่ที่มหาวิหารนักบญวาเลนไทน์แห่งเทอร์นี
สารานุกรมคาทอลิกยังกล่าวถึงนักบุญคนที่สามที่ชื่อวาเลนไทน์ ผู้ซึ่งมีการกล่าวขานถึงในบัญชีมรณสักขียุคต้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เขาพลีชีพเพื่อศาสนาในแอฟริการ่วมกับเพื่อนเดินทางจำนวนหนึ่ง แต่ไม่มีข้อมูลอื่นใดเกี่ยวกับเขาอีก
ไม่มีส่วนใดที่โรแมนติกปรากฏในชีวประวัติยุคกลางตอนต้นแต่เดิมของมรณสักขีทั้งสามคนนี้ ก่อนที่นักบุญวาเลนไทน์จะมาเชื่อมโยงกับเรื่องรักใคร่ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 นี้ ระหว่างวาเลนไทน์แห่งโรมกับวาเลนไทน์แห่งเทอร์นีนั้นไม่มีความข้องเกี่ยวกันเลย
ศีรษะของนักบุญวาเลนไทน์เก็บรักษาไว้ในแอบบีย์นิวมินสเตอร์ วินเชสเตอร์ และเป็นที่เคารพบูชา แต่ไม่มีหลักฐานว่านักบุญวาเลนไทน์จะเป็นนักบุญที่ได้รับความนิยมก่อนบทกวีของเชาเซอร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 แม้แต่ในพื้นที่วินเชสเตอร์ การเฉลิมฉลองนักบุญวาเลนไทน์มิได้แตกต่างไปจากการเฉลิมฉลองนักบุญคนอื่นมาก และไม่มีโบสถ์ใดอุทิศถึงเขา
ในการตรวจชำระปฏิทินนักบุญโรมันคาทอลิก วันฉลองนักบุญวาเลนไทน์ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ถูกตัดออกจากปฏิทินโรมันทั่วไปและลดขั้นไปอยู่ในปฏิทินเฉพาะ (particular calendar, ท้องถิ่นหรือประจำชาติ) ด้วยเหตุผล
"แม้ความทรงจำเกี่ยวกับนักบุญวาเลนไทน์จะเก่าแก่ แต่ชื่อของเขาก็ถูกลดไปอยู่ในปฏิทินเฉพาะ เพราะนอกเหนือไปจากชื่อของเขาแล้ว ไม่มีข้อมูลอื่นใดทราบกันเกี่ยวกับนักบุญวาเลนไทน์ เว้นแต่ว่า ศพเขาฝังที่เวียฟลามิเนียเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์"
วันฉลองนี้ยังมีการเฉลิมฉลองอยู่ในบัลซาน (ประเทศมอลตา) ที่ซึ่งมีการอ้างว่าพบเรลิกของนักบุญวาเลนไทน์ที่นั่น และมีการเฉลิมฉลองทั่วโลกโดยผู้นับถือนิกายคาทอลิกดั้งเดิมที่ถือตามปฏิทินที่เก่ากว่าก่อนหน้าของสภาสังคายนาวาติกันครั้งที่สองนี้
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ยังมีการเฉลิมฉลองเป็นวันวาเลนไทน์ในนิกายอื่นของศาสนาคริสต์ ตัวอย่างเช่น วันวาเลนไทน์มีระดับระดับ "พิธีฉลอง" (commemoration) ในปฏิทินของคริสตจักรแห่งอังกฤษ และส่วนอื่นของแองกลิคันคอมมิวเนียน
ในคริสต์ศตวรรษที่ 5 หรือที่ 6 ผลงานชื่อ Passio Marii et Marthae ได้กุเรื่องราวการพลีชีพเพื่อศาสนาแก่นักบุญวาเลนไทน์แห่งโรม ซึ่งปรากฏว่ามิได้มีพื้นฐานอยู่บนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ใด ๆ เลย
ผลงานนี้อ้างว่า นักบุญวาเลนไทน์ถูกเบียดเบียนเพราะนับถือศาสนาคริสต์ และถูกสอบสวนโดยจักรพรรดิคลอเดียส กอธิคัส เป็นการส่วนตัว วาเลนไทน์จักรพรรดิคลอเดียสประทับใจและได้สนทนากับเขา โดยพยายามให้เขาเปลี่ยนไปนับถือลัทธิเพเกินโรมันเพื่อรักษาชีวิตของเขา วาเลนไทน์ปฏิเสธและพยายามโน้มน้าวให้จักรพรรดิคลอเดียสหันมานับถือศาสนาคริสต์แทน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถูกประหารชีวิต ก่อนที่เขาจะถูกประหารชีวิตนั้น
มีรายงานวาเขาได้แสดงปาฏิหาริย์โดยรักษาลูกสาวตาบอดของผู้คุมของเขา แอสเตอเรียส (Asterius) Passio สมัยหลังย้ำตำนานนี้ โดยเสริมเรื่องกุว่าสมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 1 ได้ทรงสร้างโบสถ์ครอบสุสานของเขา (เป็นความเข้าใจผิดกับผู้พิทักษ์ประชากร [tribune]
ในคริสต์ศตวรรษที่ 4 ชื่อ วาเลนติโน ซึ่งบริจาคที่ดินเพื่อสร้างโบสถ์ในขณะที่จูเลียสเป็นพระสันตะปาปา) ตำนานได้หยิบยกขึ้นเป็นข้อเท็จจริงโดยบันทึกมรณสักขีในภายหลัง เริ่มจากบันทึกมรณสักขีของบีดในคริสต์ศตวรรษที่ 8
และมีย้ำในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ใน ตำนานทอง หนังสือนี้อธิบายคร่าว ๆ ถึงกิจการของนักบุญ (Acta Sanctorum) ต้นสมัยกลางว่ามีนักบุญวาเลนไทน์หลายคน และตำนานนี้จัดเข้ากับวาเลนไทน์ใต้วันที่ 14 กุมภาพันธ์