1. โรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท (piriformis syndrome)
อาการของโรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท
1.ปวดลึกๆที่แก้มก้น หรือก้นย้อยเท่านั้น มักจะคลำหาจุดกดเจ็บได้ยาก
2. เมื่อปวดมากขึ้นอาจมีอาการร้าวลงต้นขาด้านหลัง หน้าแข้ง บางรายอาจมีอาการปวดที่ข้อเท้าร่วมด้วย
3.เพิ่มปวดเพิ่มมากขึ้น เมื่อนั่งนานๆ โดยเฉพาะคนที่มีอาชีพขับรถ
4.อาการปวดจะทุเลาลงเมื่อลุกขึ้นยืน เดิน (แต่ในบางรายที่ปวดเรื้อรังอาจจะปวดตลอดเวลาไม่ว่าจะนั่งหรือยืน)
5.บางรายมีอาการชาที่ขาร่วมด้วย และจะชามากขึ้นเมื่อนั่งเป็นเวลานาน จนทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมายืนก็มี
6. พบจุดกดเจ็บที่ก้น และเมื่อใช้นิ้วกดลงไปที่จุดกดเจ็บนั้น จะรู้สึกปวดร้าวชาร้าวลงไปของขาข้างนั้นๆ
อย่า!! ปล่อยอาการเเหล่านี้ เดี๋ยวกลายเป็นอัมพฤกษ์ได้
2. โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
อาการแสดงของหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
- มีอาการชาร้าวลงขา
- พบจุดกดเจ็บกระดูกสันหลังของข้อที่หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน และในรายที่เป็นมากจะมีอาการปวดแปล๊บทั่วไปทั้งแผ่นหลัง แม้เพียงแตะเล็กน้อยก็จะเจ็บมากจนต้องร้องโอดโอย (ในโรค piriformis syndrome จะปวดลึกๆที่ก้นเท่านั้น ไม่มีอาการปวดหลังใดๆ)
- ไอ จามจะกระตุ้นให้ปวดมากขึ้น (โรค piriformis syndrome ต่อให้ไอทั้งวันก็ไม่ทำให้อาการปวดเพิ่มขึ้น)
- เมื่อนั่งจะรู้สึกสบาย อาการปวดแปล๊บและชาลดลง แต่เมื่อยืนเดินอาการปวดแปล๊บและชาจะเพิ่มมากขึ้น ในผู้ป่วยบางรายเดินเพียง 5 นาทีก็ต้องนั่งแล้วเพราะทนอาการชาไม่ไหว (ผู้ที่เป็นโรค piriformis syndrome อาการปวดจะค่อยๆเพิ่มขึ้นเมื่อนั่งนาน และรู้สึกปวดลึกๆหน่วงๆไม่ใช่อาการปวดแปล๊บเหมือนไฟช็อต)
- กล้ามเนื้อหลังตึงเกร็งจนสังเกตุเห็นได้ว่าผู้ป่วยจะเดินหลังแข็งเหมือนหุ่นยนต์ก็ไม่ปาน (ในโรค piriformis syndrome ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจะเดินขากระเพกเหมือนคนขาเจ็บ แต่ในรายที่ปวดไม่มากนั้นเดินเหมือนคนปกติทั่วไป)
- ในรายที่ไม่ได้เข้ารับการรักษา จะพบว่ากล้ามเนื้อขาข้างที่ชานั้นมีการฝ่อลีบเมื่อเทียบกับข้างปกติ (การฝ่อลีบของกล้ามเนื้อก็เกิดขึ้นได้เช่นกันในผู้ป่วย piriformis syndrome)
- เมื่อแอ่นหลังผู้ป่วยจะปวดและชามากขึ้น แต่เมื่อก้มหลังอาการจะทะเลาลง (จะแอ่นจนหลังหัก หรือก้มหลังจนมองลอดหว่างขาก็ไม่สามาารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดมากขึ้นได้ในโรค piriformis syndrome)
3. โรคกระดูกคอเสื่อม (cervical spondylosis )
ลักษณะอาการของโรคกระดูกคอเสื่อม
หินปูนที่เกาะกระดูกและเอ็นจะไปกดเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการ
-ปวดคอร้าวไปยังแขนและเกิดอาการชาที่แขน
-ปวดหลังคอบริเวณ 2 ข้างของกระดูกสันหลัง อาจปวดร้าวขึ้นไปถึงท้ายทอย หรือ ลงมาบริเวณสะบัก
-ปวดมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวหรือออกแรง
-ถ้าไม่มีการปวดร้าวมาที่แขน แสดงว่ายังไม่มีการกดเส้นประสาท แต่จะปวดกระดูกและข้อต่าง ๆ ในกระดูกสันหลัง ซึ่งมีการเสื่อมสภาพไป
-ถ้ามีการกดเส้นประสาทใด จะมีอาการปวดร้าวไปตามบริเวณที่เส้นประสาทถูกกด อาการนี้มักจะเป็น ๆ หาย ๆ แบบเรื้อรัง
โดยระดับกระดูกคอที่มีการเสื่อมบ่อยมาก คือ กระดูกข้อที่ 5-6และข้อที่ 6-7 อาการ คือ ปวดหลังคอร้าวไปยังแขนตรงกล้ามเนื้องอแขน และอาจปวดร้าวไปถึงแขนท่อนล่าง จนถึงนิ้วโป้งและนิ้วชี้ และอาการเส้นประสาทคอเส้นที่ 7 ถูกกด คือ
-ปวดหลังคอร้าวไปด้านหลังของไหล่ ไปหลังแขนตรงกล้ามเนื้อเหยียดแขน และอาจปวดร้าวไปถึงด้านหลังของแขนท่อนล่าง จนถึงนิ้วกลาง
-ถ้ามีการกดประสาทไขสันหลังขึ้น จะมีอาการแบบค่อย ๆ อ่อนแรงลงเรื่อย ๆ
4.ข้อไหล่ติด (Frozen shoulder, adhesive capsulitis)
อาการข้อไหล่ติด
ภาวะข้อไหล่ติดนั้นเกิดจากเส้นเอ็นหุ้มข้อไหล่อักเสบ ทำให้เส้นเอ็นเหล่านั้นหนาตัวขึ้น และเมื่อเรายกแขนหรือเอามือไขว้หลังจะทำให้เส้นเอ็นถูกยืดและกระตุ้นให้เกิดความเจ็บปวดขึ้น จนทำให้เราไม่กล้ายกแขนขึ้นเหนือศีรษะนั่นเอง แล้วเมื่อเราหลีกเลี่ยงการยกแขน การเคลื่อนไหวหัวไหล่ จะยิ่งทำให้เอ็นรอบข้อไหล่หนาตัวมากขึ้น มากขึ้น องศาการเคลื่อนไหวเราจะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ ทีนี้อย่าว่าแต่จะยกแขนเลยครับ แค่ขยับแขนนิดๆหน่อยๆก็ร้องโอดโอยกันแล้ว
- รู้สึกปวดตึงที่บริเวณหัวไหล่ และปวดมากเมื่อยกแขนขึนเหนือศีรษะ
- เอามือพาดหลังไม่ได้ หรือเอามือติดตะขอเสื้อในไม่ได้
- เมื่อนอนตะแคงทับแขนข้างที่ไหล่ติด จะกระตุ้นให้เกิดอาการปวดมากขึ้น
5. โรค TOS ( Thoracic Outlet Syndrome (TOS)
อาการของผู้ป่วย TOS
- มีอาการปวดที่ก้านคอ
- ปวดแบบเป็นๆหายๆ และจะปวดมากขึ้นในช่วงเย็นหลังจากทำงานมาทั้งวัน
- เมื่อเงยหน้า หรือเอียงศีรษะไปทางด้านใดด้านหนึ่งค้างไว้ผู้ป่วยจะอาการปวดที่ก้านคอมากขึ้นและอาจปวดร้าวลงแขนร่วมด้วย
- บางครั้งก็มีอาการปวดร้าวไปยังขากรรไกร, หู, ทรวงอก หัวไหล่ และร้าวลงมาถึงแขน
- มีอาการชาที่แขนตามตำแหน่งของเส้นประสาทที่ถูกกดทับ
- บางรายก็มีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย
- ในรายที่มีภาวะไหล่ห่อจะมีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน
ซึ่งจากอาการที่กล่าวมานั้นจะพบว่ามีความคล้ายคลึงกับโรคกระดูกคอเสื่อมและโรคกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรังอยู่มากพอสมควร
6. โรคเก๊าท์
อาการโรคเก๊าท์
- ข้อต่อเกิดการอักเสบและติดเชื้อ อาจเกิดขึ้นกับข้อต่อเพียงข้อเดียวหรือหลายข้อต่อ จนทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเป็นสีแดง บวมแดง และแสบร้อน
อาการของโรคเหล่านี้จะเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน มักเป็น ๆ หาย ๆ จนกว่าจะได้รับการรักษา โดยมักเกิดขึ้นในเวลากลางคืนได้บ่อยกว่าช่วงเวลาอื่น อย่างไรก็ตามควรรีบไปพบแพทย์หากผู้ป่วยมีไข้ ปวดข้ออย่างรุนแรง จนทำให้ผิวหนังบวมแดงและแสบร้อนขึ้น เพราะอาการปวดข้ออาจทำให้ผู้ป่วยเข้าใจผิดได้ว่าเป็นสัญญาณของโรคข้ออื่น ๆ การปล่อยให้โรคพัฒนารุนแรงขึ้นโดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่อาการปวดอย่างเรื้อรังและสร้างความเสียหายให้กับข้อต่อได้
7. โรคเข่าเสื่อม
อาการและอาการที่แสดง
1. อาการปวด เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุด มักปวดมากขึ้นเมื่อใช้งานและลดลงหลังจากการพัก
2. ข้อยึดติด ถ้าเป็นมาก มุมของการเหยียดงอเข่าจะลดลง เคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันลำบาก