
ประโยชน์ของซิงค์
1. สังกะสีจำเป็นสำหรับการสังเคราะห์โปรตีนและสร้าง คอลลาเจน มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเจริญเติบโตของร่างกาย
2. สังกะสี มีส่วนสำคัญในขบวนการสร้างกรดนิวคลีอิค (Nucleic acid) ทั้งดีเอ็นเอ (DNA) และอาร์เอ็นเอ (RNA) ซึ่งพบว่าในระยะที่ร่างกายต้องการสร้างเซลล์ใหม่ๆ ไม่ว่าหลังผ่าตัด, เป็นแผลต่างๆ ยิ่งจำเป็นต้องมีขบวนการนี้มากขึ้นเสมอ ช่วยเร่งให้แผลทั้งภายในและภายนอกหายเร็วยิ่งขึ้น
3. สังกะสี เป็นส่วนหนึ่งของเอ็นไซม์ คาร์บอร์นิคแอนไฮเดรส (Carbonic Anhydrase) ซึ่งพบว่าเอ็นไซม์นี้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำงานอย่างสมดุลของระบบประสาท สมอง
4. สังกะสี ยังช่วยในการปรับปรุงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเฉพาะควบคุมการทำงานของเม็ดเลือดขาวชนิด ทีลิมโฟไซต์ (T-lymphocyte) ให้ทำงานป้องกันเชื้อโรคแปลกปลอมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
5. สังกะสี เป็นส่วนหนึ่งของเอ็นไซม์ซูเปอร์อ๊อกไซด์ ดิสมิวเทส (Superoxide Dismutase; SOD) ซึ่งเป็นสารต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น (Potent Anti-oxidants) ที่มีอยู่ในร่างกาย
6. สังกะสี ช่วยให้เซลล์สามารถจับกับวิตามิน เอ (Vitamin A) ไว้ได้ดีขึ้น และช่วยให้เซลล์สามารถนำเอาวิตามินเอไปใช้ประโยชน์ได้ดีขึ้นด้วย ซึ่งช่วยทำให้เซลล์ผิวพรรณที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ๆ มีสุขภาพดี และพบว่ายังเกี่ยวข้องกับการรักษาสมดุลของปริมาณไขมันในผิวหนัง และควบคุมปัญหาการเกิดสิวจากการอุดตันของไขมันได้ด้วย
7. ร่วมทำงานกับ เอ็นไซม์ แลคเตตและมาเลตดีไฮโดรจีเนส (Latate and Malate Dehydrogenase) ซึ่งเป็นเอ็นไซม์ที่ร่างกายใช้ในขบวนการสร้างกำลังงาน
8. สังกะสี มีส่วนร่วมทำงานกับเอ็นไซม์ อัลคาไลน์ ฟอสฟาเตส (Alkaline Phosphatase) ซึ่งจำเป็นในขบวนการสร้างกระดูกและฟัน
9. ช่วยในการรักษาสิว บรรเทาอาการอักเสบของสิว ด้วยการไปรักษาสมดุลของปริมาณไขมันในผิวหนัง ช่วยควบคุมปัญหาการเกิดสิวจากการอุดตันของไขมัน
10. ประโยชน์ของซิงค์ ช่วยเพิ่มความรู้สึกทางเพศในผู้ชาย และยังช่วยป้องกันและรักษาการเป็นหมันด้วย
11. ช่วยให้ต่อมลูกหมากทำงานได้เป็นปกติ และเป็นส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธุ์
12. ช่วยป้องกันและรักษาอาการผมหลุดร่วงได้
13. ช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งหลอดอาหารและหลอดลม
14. ช่วยป้องกันโรคต่อมลูกหมากและมะเร็งต่อมลูกหมาก
15. ประโยชน์ของธาตุสังกะสี มีส่วนช่วยลดการสะสมตัวของคอเลสเตอรอล
16. ช่วยลดระยะเวลาการเจ็บป่วยและบรรเทาอาการของโรคหวัด
17. ช่วยคงสภาพการรับรู้รส กลิ่น และสายตา
18. ช่วยในการรักษาผู้ป่วยทางจิตหรือโรคจิตเภท
19. ช่วยรักษาภาวะการมีบุตรยาก
20. ช่วยกำจัดจุดขาวบนเล็บมือ
21. สังกะสี ช่วยให้เซลล์สามารถจับกับวิตามิน เอ (Vitamin A) ไว้ได้ดีขึ้น และช่วยให้เซลล์สามารถนำเอาวิตามินเอไปใช้ประโยชน์ได้ดีขึ้นด้วย ซึ่งช่วยทำให้เซลล์ผิวพรรณที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ๆ มีสุขภาพดี และพบว่ายังเกี่ยวข้องกับการรักษาสมดุลของปริมาณไขมันในผิวหนัง และควบคุมปัญหาการเกิดสิวจากการอุดตันของไขมันได้ด้วย
22. ช่วยลดอาการอักเสบและรักษาโรครูมาตอยด์อาไทรลิส
23. ช่วยควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อตามร่างกาย
24. มีความสำคัญต่อความเสถียรของเลือด ช่วยควบคุมสมดุลกรดด่างในร่างกาย
25. เป็นส่วนหนึ่งของเอ็นไซม์แอลกอฮอล์ดีไฮโดรจีเนส (Alcohol Dehydrogenase) ซึ่งเอ็นไซม์นี้มีหน้าที่ในการกำจัดแอลกอฮอล์ ซึ่งถือเป็นสารพิษในตับ (Liver)

คำแนะนำในการรับประทานซิงค์
1. ธาตุสังกะสีจะทำงานร่วมกับวิตามินเอ แคลเซียม ฟอสฟอรัส ได้ดีที่สุด
2. หากคุณเพิ่มธาตุสังกะสีในอาหาร ร่างกายคุณอาจต้องการวิตามินเอเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
3. ซิงค์มักเป็นส่วนผสมของอาหารเสริมในรูปของวิตามินรวมหรือแร่ธาตุรวม หรืออาจจะอยู่ในรูปแบบที่รวมอยู่กับวิตามินซี แมกนีเซียม หรือวิตามินบีรวมก็ได้ โดยไกลซิเนตซิงค์ซิเทรตเป็นสังกะสีในรูปแบบที่ดีที่สุด
4. คุณอาจหาซื้อได้ในรูปของซิงค์ซัลเฟต ซิงค์กลูโคเนต ซิงค์พิโคลิเนต ในขนาดตั้งแต่ 15 - 50 mg. โดยซิงค์ซัลเฟตและซิงค์กลูโคเนตจะมีประสิทธิภาพดีพอ ๆ กัน แต่ซิงค์กลูโคเนตจะรับประทานได้ง่ายกว่า
5. ซิงค์ในรูปของลูกอมแก้หวัด เวลาอมควรปล่อยให้ละลายในปากเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ผลเสียของการรับประทานเกินขนาด อาจส่งผลทำให้ระบบย่อยอาหารแปรปรวน ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่ดี และทำให้ขาดทองแดงได้ โดยขนาดมากกว่า 1,000 mg. ขึ้นไปอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
6. ขนาดที่แนะนำให้รับประทานสำหรับผู้ใหญ่ต่อวันคือ 12 - 15 mg. และสำหรับหญิงให้นมบุตรตั้งแต่ 15 mg. ขึ้นไป
7. สำหรับผู้ที่รับประทานวิตามินบี 6 ในปริมาณมากควรได้รับธาตุสังกะสีเสริม
8. สำหรับผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำหรือผู้ที่เป็นโรคเบาหวานควรได้รับธาตุสังกะสีเสริม
9. สำหรับผู้สูงอายุที่มีความกังวลเรื่องความแก่ชรา สังกะสีและแมงกานีสคือคำตอบสำหรับคุณ
10. สำหรับผู้ที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ควรรับประทานสังกะสีเพิ่ม ก่อนจะไปรักษาด้วยฮอร์โมนเพื่อให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ
11. สำหรับผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องโรคต่อมลูกหมากหรือไม่ก็ตาม ก็ควรที่จะได้รับสังกะสีอย่างเพียงพอ
12. สำหรับผู้ที่เสื่อมสรรถภาพทางเพศควรรับประทานสังกะสีร่วมกับวิตามินบี 6
13. สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารเสริมที่มีธาตุเหล็กและธาตุสังกะสีควรแยกเวลาในการรับประทาน เนื่องจากมันอาจขัดขวางการทำงานของกันและกันได้
14. หากคุณมีอาการท้องร่วงหรือรับประทานใยอาหารในปริมาณสูง ระดับของธาตุสังกะสีในร่างกายจะต่ำลง
15. สังกะสีสามารถช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ แต่หากเกินกว่า 150 mg. ต่อวันแล้ว อาจไปขัดขวางการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันซะเอง

ซิงค์
- สังกะสี (ซิงค์) หรือ Zinc เป็นตัวช่วยควบคุมให้กระบวนการต่าง ๆ ในร่างกายดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคอยช่วยซ่อมบำรุงระบบเอนไซม์และเซลล์ต่าง ๆ หากร่างกายมีเหงื่อออกมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายต้องสูญเสียสังกะสีไปมากถึง 3 มิลลิกรัม ต่อวัน
- แหล่งที่พบซิงค์ได้ในธรรมชาติ ได้แก่ อาหารทะเล หอยนางรม เนื้อสัตว์ เนื้อวัวไม่ติดมันแบบย่าง เนื้อลูกแกะ ตับลูกวัว ไข่ นมผงปราศจากไขมัน มัสตาร์ดแบบแห้ง จมูกข้าวสาลี แป้งงา เนยงา ถั่วลิสง เมล็ดฝักทอง เมล็ดแตงโม เม็ดกวยจี๊ ผงโกโก้ ช็อกโกแลต บริเวอร์ยีสต์ เป็นต้น
- ศัตรูของธาตุสังกะสี คือ ไฟเทต ซึ่งทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมสังกะสีได้ และสังกะสีมักถูกทำลายจากกระบวนการแปรรูปอาหาร หรืออาจมีปริมาณน้อยมากเนื่องจากพืชผักนั้นปลูกในดินที่ไม่มีแร่ธาตุ และโรคจากการขาดสังกะสี ได้แก่ โรคต่อมลูกหมากโต อวัยวะสืบพันธุ์ไม่เจริญเต็มที่ และโรคผนังหลอดเลือดแดงแข็ง
แร่ธาตุสังกะสี (ZINC) จะถูกดูดซึมได้ในลำไส้เล็กตอนต้น หากเป็นในรูปของซิงค์กลูโคเนตจะทำให้ดูดซึมได้ดียิ่งขึ้น สังกะสีส่วนใหญ่จะถูกขับถ่ายออกมาทางอุจจาระ
สังกะสี จะถูกขับออกทางปัสสาวะเป็นส่วนน้อย โดยสังกะสีจะถูกเก็บเอาไว้มากที่สุดใน ตับ ตับอ่อน ไต กระดูกและเนื้อเยื่อที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการบังคับของจิตใจ ที่เหลืออาจถูกเก็บไว้ในต่อมลูกหมากและตัวอสุจิ ผิวหนัง ผม เล็บมือปละเล็บเท้า หากร่างกายได้รับแคลเซียมฟอสฟอรัส วิตามินดี สารไฟเตตและใยอาหารในปริมาณมากจะมีผลให้การดูดซึมของสังกะสีถูกขัดขวาง ดังนั้นหากบริโภคอาหารที่มีสารเหล่านี้สูง ก็ควรจะบริโภคอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีเข้าไปในปริมาณที่เท่าๆ กันด้วย

อาหารที่มีธาตุสังกะสี
แร่ธาตุสังกะสี พบได้ทั่วไปในอาหารจำพวกสัตว์และพืชในสัตว์โดยเฉพาะในอาหารทะเล หอยนางรม ตับ ตับอ่อน ไข่ เนื้อสัตว์ เมล็ดฟักทอง จมูกข้าวสาลี โกโก้ ชา ถั่ว และกระถิน แต่พบไม่มากนักในผักและผลไม้ และร่างกายก็ไม่สามารถที่จะดูดซึมได้ดีนัก เพราะในผักผลไม้มีใยอาหารและมีสารไฟเตตซึ่งจะไปจับกับสังกะสีทำให้ร่างกายดูดซึมได้น้อยลง จึงได้รับสังกะสีจากผักผลไม้น้อยมากนั่นเอง

จากผลการศึกษาวิจัยพบว่าหากอยู่ในภาวะตึงเครียด อยู่ในช่วงอดอาหาร หรือมีอาการเจ็บป่วย จะทำให้ร่างกายมีความต้องการสังกะสีมากขึ้น รวมทั้งผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน
สาเหตุที่ร่างกายขาดแร่ธาตุสังกะสี
1.ได้รับสังกะสีไม่พอเพียงต่อความต้องการ เช่น ไม่ค่อยรับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีมากนัก หรือรับประทานแต่อาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีน้อย
2. ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุสังกะสีได้ลดน้อยลง ซึ่งอาจมีสาเหตุจาก
– รับประทานอาหารที่มีใยอาหารและไฟเตตในปริมาณที่มากเกินไป
– ได้รับแคลเซียม หรือธาตุเหล็กในปริมาณมาก
– เป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้เล็กหรือโรคทางพันธุกรรมจึงเป็นผลให้ร่างกายดูดซึมสังกะสีได้น้อยลง
– มีอายุเพิ่มสูงขึ้น ทำให้การดูดซึมแย่ลงไปด้วย
3. โปรตีนที่เป็นตัวนำสังกะสีในกระแสเลือดถูกผลิตออกมาน้อยลงอันเนื่องมาจากการขาดโปรตีน ทำให้ร่างกายนำสังกะสีไปใช้ได้น้อย
4. ร่างกายสูญเสียสังกะสี เช่น อาจมีอาการป่วยเป็นโรคไต ส่งผลให้สังกะสีถูกขับออกมาทางปัสสาวะ หรือผู้ป่วยที่โดนน้ำร้อนลวก โดนไฟไหม้ ก็จะทำให้สูญเสียสังกะสีไปกับน้ำเหลืองที่ออกมาทางบาดแผล
5. ร่างกายมีความต้องการธาตุสังกะสีเพิ่มมากขึ้น เช่น อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร หรือเด็กที่อยู่ในช่วงวัยเจริญเติบโต หากได้รับสังกะสีไม่พอเพียงแก่ความต้องการในช่วงที่กล่าวมาแล้ว ก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะขาดสังกะสีได้
6. การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะยาคุมกำเนิดมีผลทำให้ต้องการสังกะสีมากกว่าปกติ
ผลจากการขาดธาตุสังกะสี
1. ระบบภูมิต้านทาน และการทำงานในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
2. การเจริญเติบโตช้า
3. แผลหายช้า
4. ความไวในการรับรสหย่อนประสิทธิภาพ และไม่อยากรับประทานอาหาร
5. การได้รับแร่ธาตุที่เป็นพิษอย่างแคดเมียมเข้าสู่ร่างกายก็จะทำให้เกิดการขาดสังกะสีมากขึ้น และหากร่างกายขาดสังกะสี แคดเมียมก็จะยังคงอยู่ในร่างกายซึ่งก็จะเป็นผลให้ร่างกายเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
6. การขาดสังกะสียังมีโอกาสทำให้เป็นหมันและทำให้ร่างกายแคระแกรน มีความผิดปกติของต่อมลูกหมากเกิดขึ้น
อาการเป็นพิษจากธาตุสังกะสี
การได้รับแร่ธาตุสังกะสีเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปจะทำให้
1. ร่างกายไม่สามารถนำเหล็กและทองแดงไปใช้ได้อย่างเต็มที่
2. หากได้รับสังกะสีซัลเฟต (Zine Sulfate) ประมาณ 2 กรัมหรือมากกว่า 2 กรัมขึ้นไปจะทำให้เกิดพิษต่อร่างกาย โดยจะทำให้ระบบทางเดินอาหารมีอาการผิดปกติ มีการอาเจียน
3. หากได้รับสังกะสี 18.5 – 25 มิลลิกรัมต่อวัน จะมีผลให้ระดับทองแดงในเลือดต่ำ (Hypocupremia) เม็ดเลือดแดงจะเล็กลงกว่าปกติ (Microcytosis) และทำให้เม็ดเลือดขาวชนิด (Neutrophil) มีจำนวนน้อยกว่าปกติ (Neutropenia)
สังกะสีแบ่งออกเป็น 10 แบบ ดังนี้
1.zinc chelate ( ซิงค์คีเลต )
แร่ธาตุสังกะสีในรูปแบบนี้จะผ่านกระบวนการ chelation ( คีเลชั่น ) คือสารอินทรีย์บางชนิดที่มีประจุสามารถดึงดูดและจับเอาโมเลกุลของสังกะสีมารวมอยู่ในสารอินทรีย์นั้นๆได้ ซึ่งจะทำให้ความเข้มข้นของสังกะสีนั้นเพิ่มขึ้น
ตัวอย่างเช่น กรดอะมิโนไกลซีน ( glycine ) และ เมทไธโอนีน ( methionine ) ซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลประเภทสารอินทรีย์มีหมู่ฟังก์ชั่น ที่สามารถแตกตัวให้ประจุบวกหรือลบ จึงช่วยให้ร่างกายดูดซึมสังกะสีเพิ่มขึ้นกว่าปกติ
นอกจากนี้ เอ็นไซม์บางชนิดจำเป็นต้องใช้อิออนของสังกะสีเป็นโคแฟกเตอร์ ( cofactor ) หรือตัวช่วยให้เอ็นไซม์นั้นๆทำหน้าที่ในการเร่งปฏิกริยาเคมีได้ดียิ่งขึ้น
2.zinc orotate ( ซิงค์ออโรเตท )
เกิดจากการที่ orotic acid ( กรดออโรติก ) ทำการ chelate หรือจับเอาอิออนของสังกะสีมารวมอยู่ในโมเลกุล ซึ่งร่างกายของมนุษย์จะดูดซึมเอาสังกะสีในรูปนี้ ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ไปใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด และ zinc orotate ยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถปกป้องเซลล์จากการเกิด oxidative damage ได้ดีอีกด้วย
Zinc Orotate เป็นเกลือแร่ที่พบในร่างกายมนุษย์ โดยการติดตามปริมาณแร่ธาตุสังกะสี ผู้ค้นพบคือ Dr.Huns Nieper แพทย์นวัตกรรมชาวเยอรมัน
3.zinc picolinate ( ซิงค์พิโคลิเนต )
เป็นรูปแบบของสังกะสีที่ได้รับการคีเลต ( chelate )โดย กรด picolinic ในร่างกายมนุษย์ เพื่อให้ดูดซึมได้มากกว่ารูปแบบอื่นๆ
การดูดซึมของสังกะสีในร่างกายมนุษย์เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน เริ่มต้นจากปากจนถึงกระเพาะอาหารผ่านเยื่อหุ้มลำไส้ เข้าไปในกระแสเลือดและเซลล์แต่ละเซลล์
การศึกษาที่ตีพิมพ์ในเดือนมิถุนายน ค.ศ 1987 พบว่า สังกะสีพิโคลิเนต ( zinc picolinate ) มีการดูดซึมเพิ่มขึ้นมากกว่าสังกะสีซิเตรต ( zinc citrate ) และสังกะสีกลูโคเนต ( zinc gluconate ) ถึง 5 เท่า
นอกจากนี้ สังกะสีพิโคลิเนต ( zinc picolinate ) ช่วยในการควบคุมการเกิดสิวและสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันได้
4.zinc gluconate ( ซิงค์กลูโคเนต )
เป็นเกลือสังกะสีของกรดกลูโคนิก ( Gluconic acid )
zinc gluconate เป็นหนึ่งในรูปแบบที่นิยมมากที่สุดของสังกะสีในตลาดอาหารเสริม ถูกสร้างขึ้นโดยกระบวนการของการผลิตเชิงอุตสาหกรรม คือ กระบวนการหมักน้ำตาลกลูโคส ซึ่งดูดซึมง่ายและดูดซึมได้อย่างรวดเร็วเข้าสู่ร่างกาย โดยไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
zinc gluconate สามารถพบได้ในวิตามินหลายชนิดและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ ดูดซึมในร่างกายประมาณ 14%
เป็นรูปแบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจำพวกสังกะสี โดยกระบวนการผลิต zinc gluconate จะมีการนำเอาน้ำตาลกลูโคสไปผ่านกระบวนการหมัก ( fermentation ) ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นมี shelf-life ( อายุการเก็บรักษา ) ที่ยาวนานขึ้น
5.zinc acetate ( ซิงค์อะซีเตท )
อีกหนึ่งรูปแบบการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสังกะสี นิยมใช้ในการสังเคราะห์สารเคมีและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ละลายได้ดีในน้ำและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ซิงค์อะซีเตท ( zinc acetate ) จะดูดซึมได้มากกว่าซิงค์กลูโคเนต ( zinc gluconate )
การศึกษาทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่า รูปแบบนี้จะช่วยลดระยะเวลาของโรคไข้หวัดได้อีกด้วย
zinc acetate มักจะใช้เป็นส่วนผสมผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในช่องปากสำหรับการรักษาผู้ที่ขาดสังกะสี ยาสมานแผลในรูปแบบของครีม หรือใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะ เช่น erythromycin สำหรับการรักษาเฉพาะที่ของการเกิดสิว
6. zinc oxide ( ซิงค์ออกไซด์ )
คือสารประกอบสังกะสีพื้นฐานที่สุด มนุษย์ใช้ซิงค์ออกไซด์ ในรูปแบบที่แตกต่างกัน รวมทั้งในครีมกันแดด, สี, การผลิตยางและสารเคมีเคลือบกระดาษ
zinc oxide ดูดซับแสงอัลตราไวโอเลต จึงนิยมใช้เป็นส่วนผสมในครีมกันแดด ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย จึงมีประโยชน์ในการรักษาบาดแผลต่างๆ
นอกจากนี้ ยังช่วยในการดูดซับความชื้นจากบาดแผล และบางครั้งใช้ในเทปพิเศษที่ออกแบบ เพื่อช่วยให้นักกีฬาหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บของเนื้อเยื่ออ่อน
ดร. Marilynn Syrett กล่าวว่า ซิงค์ออกไซด์เป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ปลอดภัยที่สุด สำหรับการปกป้องผิวจากอันตรายของรังสีอัลตราไวโอเลต ( UV )
หากรังสียูวีผ่านเข้าไปในผิวหนังและเนื้อเยื่อ จะเกิดความเสียหาย จนกระทั่งผิวแห้งและเร่งกระบวนการเกิดริ้วรอยเร็วขึ้น รังสีเหล่านี้ยังเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนัง
ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของซิงค์ออกไซด์ สามารถกรองรังสียูวี จึงป้องกันผิวหนังไม่ให้ดำไหม้และเกิดความเสียหายระดับเซลล์ ผิวคนที่โดนแดดจัดเป็นเวลานาน จึงดำเป็นถ่านหุงข้าว ด้วยเหตุผลนี้ค่ะ
ซิงค์ออกไซด์ ( ZnO ) มีลักษณะสีขาว ใช้เป็นส่วนผสมสำหรับผลิตสีเคลือบ สีทาบ้าน อุตสาหกรรมเซรามิก เป็นส่วนผสมในกระบวนการผลิตยาง พลาสติก เซรามิก แก้ว ซีเมนต์ สารหล่อลื่น กาว ฯลฯ
• สำหรับทางด้านยา ซิงค์ ออกไซด์จะใช้เป็นส่วนผสมในสูตรตำรับยาทาภายนอก เช่น คาลามายด์โลชั่น ( calamine lotion ) ผสมในแป้งเด็ก ครีมทาแก้ผื่นผ้าอ้อม แชมพูสระผมกันรังแค หรือขี้ผึ้งทายับยั้งเชื้อโรค
• ปัจจุบันมีการผลิตนาโนซิงค์ ออกไซด์ สำหรับใช้เป็นส่วนผสมของสูตรตำรับยา Ciprofloxacin โดยมีสรรพคุณช่วยให้ Ciprofloxacinออกฤทธิ์ได้ดีมากยิ่งขึ้น
ซิงค์ ออกไซด์ถูกบรรจุลงในบัญชียาหลักแห่งชาติของไทย โดยระบุเป็นส่วนประกอบของยาที่ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น และเป็นยาเตรียมสำหรับงานทางทันตกรรมอีกด้วย
7.ซิงค์ซัลเฟต ( zinc sulfate )
คือการรวมกันของกำมะถันและสังกะสี ละลายน้ำได้ดี
zinc sulfate ใช้บ่อยที่สุดในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพราะดูดซึมได้ง่าย แต่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร
ทางการแพทย์ใช้ zinc sulfate ในโรคทางดวงตาเพื่อลดอาการระคายเคือง เช่น ยาหยอดตา
ซิงค์ซัลเฟต ( zinc sulfate ) เป็นสารประกอบอนินทรีย์ ซิงค์ซัลเฟต ( ZnSO3 ) ส่วนมากจะใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ
ส่วนอีกรูปแบบสูตรทางเคมีคือ ZnSO4 มีการผลิตเพื่อนำมาเป็นยารักษาโรค ซึ่งต้องใช้ซิงค์ออกไซด์ ( ZnO ) ที่เป็นเกรดบริสุทธิ์ทำปฏิกิริยากับกรดซัลฟิวริก ( Sulfuric acid ) และน้ำ ทางเภสัชกรรมนำมาผลิตเป็นยารับประทานและยาใช้ภายนอกหลังการรับประทานซิงค์ซัลเฟต พบว่า ยานี้จะถูกกำจัดออกทางอุจจาระประมาณ 90% ที่เหลือจะขับออกทางปัสสาวะ
องค์การอนามัยโลกกำหนดให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ และป่วยด้วยโรคท้องร่วง ต้องได้รับแร่ธาตุสังกะสี ( zinc ) เสริมการรักษาเป็นเวลา 10 - 14 วัน เพื่อลดอาการรุนแรงและป้องกันการกลับมาเป็นใหม่
กระทรวงสาธารณสุขของไทย บรรจุซิงค์ซัลเฟตลงในบัญชียาหลักแห่งชาติ โดยเป็นเกลือแร่กับผู้ป่วยที่ร่างกายขาดแร่ธาตุสังกะสี ใช้สนับสนุนการรักษาอาการท้องเสียในเด็ก ยาทารักษาผิวหนัง ยาหยอดตา เป็นต้น
8. Carnosine
ถูกค้นพบในปี ค.ศ 1980 เป็นโมเลกุลขนาดเล็กประกอบด้วยกรดอะมิโน 2 ชนิดคือ ฮิสติดีนและอะลานีน จะพบระดับความเข้มข้นที่ค่อนข้างสูงในเนื้อเยื่อส่วนใหญ่, กล้ามเนื้อหัวใจ, ผิวหนัง กระเพาะอาหาร เส้นประสาทและสมอง
การศึกษาจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่า carnosine มีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก Carnosine ยังอาจทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท ( ส่งสารเคมีในระบบประสาท ) Carnosine ได้รับการเรียกว่า "สารอาหารอายุวัฒนะ"
เนื่องจากมีการศึกษาเนื้อเยื่อในห้องปฏิบัติการ แสดงให้เห็นว่ามันสามารถชะลอริ้วรอยและกระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ผิวได้
carnosine ในร่างกายของมนุษย์ยังไม่ชัดเจนนัก ณ เวลานี้ แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นสารอาหารที่มีศักยภาพสูง มีส่วนช่วยลดอาการปวดท้องที่เกิดจากเชื้อ Helicobacter pylori ( H.pylori ) กระตุ้นเยื่อเมือกในลำไส้ใหญ่และอาจป้องกันการสลายของกระดูก จึงช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน และโรคไขข้ออักเสบ รวมถึงการเสื่อมสภาพของกระดูกขากรรไกร
นอกจากนี้ อาจช่วยลดการสะสมไขมันในตับและบรรเทาอาการโรคไวรัสตับอักเสบซี
9.ซิงค์ซิเตรต ( zinc citrate )
ซิงค์ซิเตรตส่วนใหญ่ จะใช้ในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับทันตกรรม เช่น ยาสีฟัน, น้ำยาบ้วนปากและโรคเหงือกอักเสบ สามารถลดหรือยับยั้งการก่อตัวของคราบฟันและหินปูน
zinc citrate ถูกนำมาใช้มากมายในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม, อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มพลังงาน
10.ซิงค์แลคเตท ( zinc lactate )
มักจะเป็นส่วนผสมของยาสีฟันป้องกันกลิ่นปากหรือน้ำยาบ้วนปากเพื่อลดคราบหินปูน
แม้ว่าทุกประเภทของสังกะสี หากมีการคีเลต ( chelated ) จะเพิ่มการดูดซึมและแตกตัวในร่างกายมากขึ้น แต่นักวิจัยยังไม่เห็นด้วยกับรูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยมีความเห็นแตกต่างกันไป จนกว่าการวิจัยในอนาคตจะให้คำตอบที่ชัดเจนกว่านี้
มีการวิจัยแสดงให้เห็นว่า zinc picolinate จะถูกดูดซึมได้ดีกว่าสังกะสีประเภทอื่น ๆ ในขณะที่ศูนย์การแพทย์ทั่วโลก แนะนำ zinc orotate ว่าเป็นสังกะสีในรูปแบบการดูดซึมที่ดีที่สุด
การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน "วารสาร FASEB" เดือนมีนาคม 2008 สรุปได้ว่า zinc glycinate เพิ่มระดับความเข้มข้นของสังกะสีในเลือดดีกว่า zinc gluconate ซึ่งทั้งสองดีกว่า zinc picolinate
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เป็นสังกะสีคีเลต มีหลายรูปแบบ แต่ควรเลือกชนิด ซิงค์พิโคลิเนต ( Zinc picolinate ) ซิงค์อะซิเตท ( zinc acetate ) ซิงค์ซิเตรท ( zinc citrate ) และกรดอะมิโนแอซิดคีเลต ( amino acid chelate ) ซึ่งดูดซึมง่าย ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร

สังกะสีกับการใช้ในอุตสาหกรรม
Zinc ( สังกะสี ) ในโลกนี้มีมากมายหลายรูปแบบ ถูกใช้ประโยชน์มากมายจนนับไม่ถ้วน ตั้งแต่สารประกอบอินทรีย์และอนินทรีย์ ซึ่งสังกะสีมุงหลังคาบ้าน ก็มีที่มาจากต้นกำเนิดแหล่งเดียวกัน เพียงแต่ใช้กระบวนการสังเคราะห์ต่างกันเท่านั้นเอง
สังกะสี ( Zinc ) คือธาตุที่มีหมายเลขอะตอม30 และสัญลักษณ์ : Zn
สังกะสีอยู่ในตารางธาตุหมู่ 12
ชื่อในภาษาอังกฤษ ( zinc ) มาจากภาษาเยอรมันว่า Zink เป็นธาตุประเภทโลหะ ที่มีความไวต่อปฏิกิริยาเคมีพอสมควรกับออกซิเจน และธาตุที่ไม่ใช่โลหะ
สังกะสีเมื่อทำปฏิกิริยากับกรดเจือจาง จะปล่อยก๊าซไฮโดรเจนออก แร่ธาตุชนิดนี้เป็นโลหะธาตุ มีลักษณะเป็นสีเงิน มันวาว นิยมนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมหลากหลาย เพื่อเป็นโลหะโครงสร้าง หรือโลหะผสมกับโลหะอื่น สำหรับประยุกต์ใช้งานในด้านต่างๆ
นอกจากนี้สังกะสียังเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่ง พบได้ในร่างกายมนุษย์และสัตว์

ประโยชน์ทางอุตสาหกรรมของซิ้งค์มีอะไรบ้าง?
•เคลือบโลหะ เพื่อป้องกันสนิมและการกัดกร่อน เช่นกระเบื้องสังกะสี หรือกระเบื้องสังกะสีลูกฟูก เรียกกันในวงการช่างโลหะว่า เหล็กอาบสังกะสี หรือเหล็กชุบสังกะสี
•เป็นส่วนประกอบในโลหะผสม เช่น ใช้ทำของเล่น
•ใช้เป็นภาชนะของถ่านอัลคาไลน์
•สังกะสีเป็นสารอาหาร ที่พบมากในหอยนางรม และโปรตีน ถั่ว แอลมอนด์ เมล็ดฟักทอง และเมล็ดทานตะวัน
•ซิงค์คาร์บอเนต ( ZnCO3 ) ใช้เป็นส่วนผสมในอุตสาหกรรมยา เช่น ยาทาแก้คันตามผิวหนัง
•ซิงค์ซัลไฟต์ ( ZnS ) ใช้เป็นสีขาวในอุตสาหกรรมยาง ใช้เคลือบเป็นฉากเรืองแสง ในหลอดฟลูออเรสเซ็นต์ของโทรทัศน์ และเป็นส่วนผสมของสีพรายน้ำ
•ซิงค์ไฮดรอกไซด์ ( Zn ( OH2 ) ใช้ในอุตสาหกรรมยาง
•ซิงค์คลอไรด์ ( ZnCl2 ) เป็นสารป้องกันเชื้อราในอุตสาหกรรมกระดาษ และไม้อัด
•ซิงค์ไพริดีนไธโอน ( zinc pyridinethione ) เป็นส่วนผสมในน้ำยาหรือแชมพูสระผมป้องกันรังแค โดยถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในแชมพูขจัดรังแคที่มีประสิทธิภาพ แม้ในระดับความเข้มข้นต่ำ
Cr. Medthai, amprohealth.com
ถ้าภูมิต้านทานน้อย นอนไม่หลับ เส้นเลือดตีบ แนะนำ..โปร-เอ็กบี Pro-xB.. สกัดจากธรรมชาติ เห็นผลดีขึ้นตั้งแต่สัปดาห์แรก..ผู้ที่เป็นเบาหวาน ความดัน ทานได้..