มะรุมให้ประโยชน์อะไรบ้าง?
- ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น อ่อนนุ่ม ไม่ให้หยาบกร้าน
- มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยในการชะลอวัย (น้ำมันมะรุม)
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
- ช่วยรักษาโรคขาดสารอาหารในเด็กแรกเกิดถึงอายุ 10 ขวบ
- ช่วยลดไขมันและคอเลสเตอรอลในร่างกาย (ฝัก)
- มีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็ง (ใบ, ดอก, ฝัก, เมล็ด, เปลือกของลำต้น)
- ช่วยรักษาโรคมะเร็งในกระดูก
- ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยรังสี การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยให้อาการแพ้รังสีฟื้นตัวเร็วขึ้น
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในร่างกาย
- ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
- มะรุมลดความดัน รักษาโรคความดันโลหิตสูง (ใบ, ฝัก)
- ใช้รักษาโรคหัวใจ (ราก)
- มะรุมลดน้ำตาล ช่วยรักษาโรคเบาหวานโดยรักษาความสมดุลของระดับน้ำตาล
- ใช้รักษาโรคหอบหืด (Asthma) (ยาง)
- ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้
- ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคที่ต่ำลงของผู้ป่วยเอดส์
- ใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย (ดอก)
- ช่วยบำรุงธาตุไฟ (ราก)
- ช่วยคุมธาตุอ่อน ๆ (เปลือกของลำต้น)
- แก้ลมอัมพาต (เปลือกของลำต้น)
- ใช้ขับน้ำตา (ดอก)
- ใช้บำรุงสุขภาพและรักษาดวงตาให้สมบูรณ์
- ช่วยรักษาโรคตาได้เกือบทุกโรค อย่างเช่น โรคตาต้อ ตามืดมัว เป็นต้น
- ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคโพรงจมูกอักเสบ
- น้ำมันมะรุมใช้นวดศีรษะ ฆ่าเชื้อราบนหนังศีรษะ แก้อาการคันหนังศีรษะ ลดผมร่วง (น้ำมันมะรุม)
- ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (ใบ, น้ำมันมะรุม)
- ใช้แก้ไข้และถอนพิษไข้ (ใบ, ยอดอ่อน, ฝัก, เมล็ด)
- ใช้แก้อาการไข้หัวลมหรืออาการไข้เปลี่ยนฤดู (ดอก)
- ช่วยบรรเทาและรักษาอาการหวัด (เมล็ดมะรุม)
- ช่วยบรรเทาอาการไอเรื้อรังให้ดีขึ้น (เมล็ดมะรุม)
- ช่วยบรรเทาอาการและลดสิวบนใบหน้า (น้ำมันมะรุม)
- ช่วยลดจุดด่างดำจากแสงแดด (น้ำมันมะรุม)
- ใช้รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน (ใบ)
- ช่วยแก้อาการปวดฟัน (ยาง)
- ช่วยแก้อาการปวดหู (Earache) (ยาง)
- น้ำมันมะรุมใช้หยอดหูเพื่อป้องกันและฆ่าพยาธิในหู รักษาโรคหูน้ำหนวก เยื่อบุหูอักเสบ
- ช่วยรักษาโรคคอหอยพอกชนิดมีพิษ
- ช่วยรักษาแผลในปากหรือแผลจากโรคปากนกกระจอก
- นำเปลือกของลำต้นมาเคี้ยวกินเพื่อช่วยย่อยอาหาร (เปลือกของลำต้น)
- ช่วยขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ (เปลือกของลำต้น)
- เปลือกของลำต้นมีสรรพคุณช่วยในการคุมกำเนิด (เปลือกของลำต้น)
- ช่วยบำรุงและรักษาปอดให้แข็งแรง และรักษาโรคปอดอักเสบ
- รับประทานเมล็ดมะรุมวันละ 1 เมล็ดก่อนนอน ช่วยให้การขับถ่ายในตอนเช้าเป็นไปอย่างปกติและสม่ำเสมอ (เมื่อขับถ่ายเป็นปกติแล้วควรหยุดรับประทาน)

- ใช้รักษาโรคลำไส้อักเสบ อาการท้องเสีย ท้องผูก
- ช่วยรักษาและขับพยาธิในลำไส้ (เมล็ดมะรุม)
- ช่วยในการขับปัสสาวะ (ใบ, ดอก)
- ช่วยแก้อาการอักเสบ (ใบ)
- ช่วยรักษาโรคไขข้อ (Rheumatism) (ราก)
- ช่วยบรรทาอาการของโรคเกาต์ บ้างก็ว่าสามารถใช้รักษาโรคเกาต์ได้
- ช่วยรักษาโรคกระดูกอักเสบ
- ช่วยรักษาโรครูมาติสซั่ม
- ช่วยบำรุงและรักษาโรคตับ ไต
- น้ำมันมะรุมใช้นวดเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อตามบั้นเอวและขา
- น้ำมันมะรุมใช้นวดเพื่อกระชับกล้ามเนื้อ
- ใช้แก้อาการปวดตามข้อ (เมล็ด)
- แก้อาการบวม (ราก, เมล็ด)
- ช่วยลดอาการผื่นคันตามผิวหนังและการแพ้ผ้าอ้อมของเด็กทารก (น้ำมันมะรุม)
- ช่วยรักษาบาดแผล แผลสดเล็ก ๆ น้อย ๆ (ใบ, น้ำมันมะรุม)
- ช่วยถอนพิษและลดอาการปวดบวมจากแมลงสัตว์กัดต่อย (น้ำมันมะรุม)
- ใช้เป็นยาปฏิชีวนะ
- ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (ใบ, ดอก)

- ใช้รักษาเชื้อราตามผิวหนัง ศีรษะ ตามซอกเล็บ โรคน้ำกัดเท้า (น้ำมันมะรุม)
- น้ำมันมะรุมใช้ทารักษาหูด ตาปลา
- ช่วยรักษาโรคเริม งูสวัด
- ช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ต้านจุลชีพ
- ช่วยฆ่าเชื้อไทฟอยด์ (ยาง)
- ช่วยรักษาโรคซิฟิลิส (syphilis) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคหนึ่ง (ยาง)
- การรับประทานมะรุมในช่วงตั้งครรภ์จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ HIV ของเด็กทารก
ส่วนใดของมะรุมนำมาใช้ประโยชน์ได้บ้าง
- ฝักมะรุมนำมาใช้เป็นไม้ตีกลองได้เหมือนกันนะ โดยเฉพาะในแถบอินเดีย
- ใบสดนำมารับประทานได้ ส่วนใบแห้งนำมาทำเป็นผง
- เมล็ดบางครั้งนำมาคั่วรับประทานเป็นถั่วได้
- เมล็ดมะรุมเมื่อนำมาบดละเอียดสามารถนำไปใช้กรองน้ำได้ ทำให้น้ำตกตะกอนและฆ่าเชื้อโรคในน้ำ น้ำที่ได้จะค่อนข้างสะอาดและมีรสออกหวาน
- น้ำมันที่ได้จากการคั้นเมล็ดสด นำมาใช้เป็นน้ำมันในการปรุงอาหาร
- น้ำมันมะรุมนำมาใช้ในการปรุงอาหารชนิดเดียวกับน้ำมันมะกอก แต่ดีกว่าตรงที่ไม่มีกลิ่นเหม็นหืนในภายหลัง
- น้ำมันมะรุมนำมาใช้เป็นน้ำยาหล่อลื่นต่าง ๆ ประจำบ้านและช่วยป้องกันสนิม
- นิยมนำมะรุมไปทำเป็นอาหารเพื่อรับประทานเป็นผักอย่างเช่น แกงส้ม แกงลาว แกงอ่อม แกงกะหรี่ ยำฝักมะรุม ส่วนดอกมะรุมลวกรับประทานกับน้ำพริก ส่วนยอดอ่อน ใบอ่อนนำไปต้มสุกรับประทานร่วมกับแจ่ว ลาบ ก้อย
- นำมาแปรรูปเป็น "มะรุมแคปซูล" สำหรับเป็นทางเลือกให้ผู้ที่ไม่ชอบรับประทานผัก แต่อยากได้คุณประโยชน์ทางด้านสมุนไพร
- นำมาสกัดเป็นน้ำมันมะรุม ซึ่งมีคุณประโยชน์ที่หลากหลาย
คุณค่าทางโภชนาการของใบมะรุมสด
ต่อ 100 กรัม
- พลังงาน 37 กิโลแคลอรี่
- คาร์โบไฮเดรต 8.53 กรัม
- ใยอาหาร 3.2 กรัม
- ไขมัน 0.20 กรัม
- โปรตีน 2.10 กรัม
- น้ำ 88.20 กรัม
- วิตามินเอ 4 ไมโครกรัม 1%
- วิตามินบี 1 0.0530 มิลลิกรัม 5%
- วิตามินบี 2 0.074 มิลลิกรัม. 6%
- วิตามินบี 3 0.620 มิลลิกรัม 4%
- วิตามินบี 5 0.794 มิลลิกรัม 16%
- วิตามินบี 6 0.120 มิลลิกรัม 9%
- วิตามินบี 9 44 ไมโครกรัม 11%
- วิตามินซี 141.0 มิลลิกรัม 170%
- ธาตุแคลเซียม 30 มิลลิกรัม 3%
- ธาตุเหล็ก 0.36 มิลลิกรัม 3%
- ธาตุแมกนีเซียม 45 มิลลิกรัม 13%
- ธาตุแมงกานีส 0.259 มิลลิกรัม 12%
- ธาตุฟอสฟอรัส 50 มิลลิกรัม 7%
- ธาตุโพแทสเซียม 461 มิลลิกรัม 10%
- ธาตุโซเดียม 42 มิลลิกรัม 3%
- ธาตุสังกะสี 0.45 มิลลิกรัม 5%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)

คุณค่าทางโภชนาการของฝักมะรุม
ต่อ 100 กรัม
- พลังงาน 37 กิโลแคลอรี่
- คาร์โบไฮเดรต 8.53 กรัม
- ใยอาหาร 3.2 กรัม
- ไขมัน 0.20 กรัม
- โปรตีน 2.10 กรัม
- น้ำ 88.20 กรัม
- วิตามินเอ 4 ไมโครกรัม 1%
- วิตามินบี 1 0.0530 มิลลิกรัม 5%
- วิตามินบี 2 0.074 มิลลิกรัม 6%
- วิตามินบี 3 0.620 มิลลิกรัม 4%
- วิตามินบี 5 0.794 มิลลิกรัม 16%
- วิตามินบี 6 0.120 มิลลิกรัม 9%
- วิตามินบี 9 44 ไมโครกรัม 11%
- วิตามินซี 141.0 มิลลิกรัม 170%
- ธาตุแคลเซียม 30 มิลลิกรัม 3%
- ธาตุเหล็ก 0.36 มิลลิกรัม 3%
- ธาตุแมกนีเซียม 45 มิลลิกรัม 13%
- ธาตุแมงกานีส 0.259 มิลลิกรัม 12%
- ธาตุฟอสฟอรัส 50 มิลลิกรัม 7%
- ธาตุโพแทสเซียม 461 มิลลิกรัม 10%
- ธาตุโซเดียม 42 มิลลิกรัม 3%
- ธาตุสังกะสี 0.45 มิลลิกรัม 5%

ข้อควรระวัง
1. หญิงตั้งครรภ์หากรับประทานในปริมาณที่มากจนเกินไปก็อาจจะทำให้แท้งบุตรได้
2. ผู้ป้วยโรคเลือดก็ไม่ควรรับประทานมะรุมเช่นกัน เพราะจะทำให้เม็ดเลือดแตกง่าย
3. ผู้ที่เป็นโรคเกาต์ก็ไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากจนเกินไป เพราะมะรุมมีโปรตีนที่ค่อนข้างสูงมาก
4. ใบมะรุมควรรับประทานใบสด ๆ ที่ไม่แก่หรืออ่อนเกินไป และไม่ควรถูกความร้อนนานเกินไป เพื่อให้ได้ประโยชน์ของสารอาหารอย่างเต็มที่
5. ไม่ควรให้เด็กทารกในวัยเจริญเติบโตถึง 2 ขวบรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป เพราะใบมะรุมมีธาตุเหล็กสูง หรือเด็กที่อายุ 3-4 ขวบควรรับประทานแต่เพียงเล็กน้อย และไม่ว่าจะวัยไหนก็ตามไม่ควรรับประทานในปริมาณมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ท้องเสียได้ (ไม่ได้เกิดกับทุกคน) ควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย
6. สำหรับผู้ที่รับประทานมะรุมต่อเนื่องเป็นเวลาควรตรวจการทำงานของตับ เนื่องจากผู้ป่วยบางรายที่ใช้มะรุมติดต่อกันเป็นระยะเวลานานพบเอนไซม์เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นควรใส่ใจกับข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณด้วย
มะรุม
มะรุม ชื่อสามัญ Moringa
มะรุมชื่อ วิทยาศาสตร์ Moringa oleifera Lam. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Guilandina moringa L., Hyperanthera moringa (L.) Vahl, Moringa zeylanica Burmann) จัดอยู่ในวงศ์ MORINGACEAE
คุณค่าทางอาหารของมะรุม
มะรุมเป็นพืชมหัศจรรย์ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุด กล่าวถึงในคัมภีร์ใบเบิ้ลว่าเป็นพืชที่รักษาทุกโรค
ใบมะรุมมีโปรตีนสูงกว่านมสด 2 เท่า การกินใบมะรุมตามชนบทของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศโลกที่ 3 เป็นการเพิ่มโปรตีนคุณภาพสูงราคาถูกให้กับอาหารพื้นบ้าน

สรรพคุณที่เป็นอาหารและยา
1. ฝัก ปรุงเป็นอาหารรับประทาน แก้ไข้หัวลม
2. เปลือกต้น มีรสร้อน รับประทานเป็นยาขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ คุมธาตุอ่อนๆ (ตัดต้นลมดีมาก)
3. ราก มีรสเผ็ด หวานขม แก้บวม บำรุงไฟธาตุ มีคุณเสมอกับกุ่มบก แก้พิษ ฝี แก้ปวด แก้อักเสบ
4. ยอดมะรุม นำมาลวกจิ้มน้ำพริกก็ได้เช่นกัน ช่วยแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ ใบสดมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ
5. ดอก ช่วยบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา ใช้ต้มทำน้ำชาดื่มช่วยให้นอนหลับสบาย
6. เมล็ด นำเมล็ดมะรุมมาสกัดน้ำมันสามารถใช้ทำอาหาร รักษาโรคปวดตามข้อ โรคเก๊า รักษาโรครูมาติซั่ม และรักษาโรคผิวหนัง แก้ผิวแห้ง ใช้แทนยารักษาผิวให้ชุ่มชื้น รักษาโรคอันเกิดจากเชื้อรา
7. เนื้อในเมล็ดมะรุม ใช้แก้ไอได้ดี การรับประทานเนื้อในเมล็ด เป็นประจำสามารถเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายได้
8. ใบสด นำมาตากแห้งหรืออบแห้ง ป่นให้ละเอียด ใช้ใส่ในข้าวต้ม หรือโจ๊ก จะมีกลิ่นหอมมาก
9. กระพี้ แก้ไข้สันนิบาดเพื่อลม
แพทย์ตามชนบท ใช้เปลือกมะรุมสด ๆ ตำบุบพอแตก ๆ อมไว้ข้างแก้ม แล้วรับประทานสุราจะไม่รู้สึกเมาเลย
ระโยชน์คุณค่าทางสมุนไพร
1. ใช้รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิดจนถึง ๑๐ ขวบ
ลดสถิติการเสียชีวิตพิการและตาบอดจากการขาดสารอาหารได้เป็นอย่างดีในกรณีเด็กแรกเกิด การให้สารมะรุม ทำได้ดีที่สุดโดยผ่านทางน้ำนมมารดา เมื่อทารกดื่มน้ำนมมารดาที่รับประทานใบมะรุมอย่างสมำเสมอสารอาหารสำคัญ ๆ จะผ่านสู่ทารกโดยง่าย อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มภูมิต้านทานและเพิ่มแคลเซียมเ ข้าไปเสริมกระดูกให้มารดาเป็นอย่างดี
ผลที่ได้ ๑๐๐ % มีตัวอย่างจากวารสารลอสแอนเจลิสไทม์ ฉบับลงวันที่ ๒๐ มีนาคม ค.ศ.๒๐๐๐ เป็นบทความชื่อ ” มะรุม ต้นไม้ มหัศจรรย์ ” โดยมาริค พิส บรรยายถึงด.ช.ชาวเอธิโอเปียอายุ ๕ เดือน ซึ่งแพทย์หมดหวังที่จะให้การรักษาเพราะขาดสารอาหารอย่างรุนแรงต่อมาเมื่อมารดาได้รับการแนะนำ โดยนายแพทย์ซึ่งเป็นหมอสอนศาสนาจากกลุ่มองค์กรการกุศล ” ต้นไม้เพื่อชีวิต ” ให้รู้จักการใช้ใบมะรุมแห้งบดละเอียดนำมาทำอาหาร ขณะนี้เด็กชายผู้นั้นมีอายุ ๖ ขวบ สุขภาพสมบูรณ์และแข็งแรง พ้นจากภาวะตามืดบอดได้อย่างหวุดหวิด

2. ช่วยผู้ปวยโรคเบาหวาน
สรรพคุณในการควบคุมระดับของน้ำตาลในเลือดและลดระดับน้ำตาลให้น้อยลง จึงช่วยบรรเทาและชะลออาการของโรคเบาหวานได้เป็นอย่างดี ส่วนในคนปกติ เมื่อรับประทานมะรุมเป็นประจำจะช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้
และให้น้ำตาลอยู่ในภาวะควบคุมได้ สามารถลดการใช้ยาลงโดยความเห็นชอบและการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ผู้ทำการรักษา จากการตรวจวัดด้วยลูกดิ่ง ท่านอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา ได้บรรยาย ณ วัดป่าธรรมชาติว่า
ถ้ารับประทานใบมะรุมอย่างสม่ำเสมอย่อมมีโอกาสที่จะหายจากโรคเบาหวานได้ คณะแพทย์และนักวิจัยทั่วโลกกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างสูง โดยหาดูรายละเอียดได้เว็บไซต์ทั่ว ๆ ไป

3. ใช้ควบคุมความดันโลหิตสูง
งานวิจัยพบว่า การสกัดสารของฝักและผลของมะรุมทดลองในสุนัขและหนูแรทจะได้สารสำคัญประเภท Glycosides ซึ่งสามารถลดความดันโลหิตและลดอาการอื่นๆ ที่เกิดจากความดันโลหิตสูงได้ เช่น ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ เป็นต้น
ให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ แต่ทั้งนี้จะต้องช่วยตัวเองด้วยการควบคุมอาหาร การบริหารร่างกายแบบง่าย ๆเช่น เดิน รำมวยไท้ชี่ เป็นต้น มิฉะนั้นแล้ว การบำบัดด้านนี้จะไม่ได้ผลเท่าที่ควรดอกมะรุม
4. ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
ถ้ารับประทานผลิตผลจากมะรุมในระหว่างตั้งครรภ์ นอกจากจะทำให้มารดามีสุขภาพสมบูรณ์และแข็งแรงแล้ว ทารกที่เกิดมาก็จะมีสุขภาพสมบูรณ์และโอกาสที่ทารกจะติดเชื้อ hiv ย่อมลดน้อยลงด้วยมะรุมจะช่วยเพิ่มแคลเซียมให้แก่มารดาในระยะตั้งครรภ์ ได้เป็นอย่างดี คนทั่ว ๆ ไปสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองได้ถ้ารับประทานใบ มะรุมอย่างน้อยอาทิตย์ละ ๓ ครั้ง
5. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานที่ต่ำลงของผู้ป่วยโรคเอดส์
ให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ และสามารถมีชีวิตอยู่อย่างคนปรกติทั่วไปในสังคมการรักษาโรคเอดส์ประสบผลสำเร็จ อย่างกว้างขวางจากประเทศในกลุ่มทวีปแอฟริกา และได้รับความสำเร็จเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.๒๐๐๕ จากการค้นคว้าและทดลองของวัดแอฟริกาอินแลนด์ ประเทศทานซาเนีย โดยนายแพทย์เฟลิซิ และพยาบาลชาวเยอรมันชื่อไมค์กี้ เอตลิ่ง สำหรับท่านที่สนใจต้องการจะนำไปทดลองใช้ วิธีการรักษาจะอยู่ในบทความตอนท้ายของหนังสือเล่มนี้ โดยละเอียด

6. ช่วยป้องกันมะเร็งถ้าหากเป็นอยู่ก็จะช่วยให้การรักษาพยาบาลง่ายขึ้น ในบางกรณีสามารถหยุดการเจริญเติบโตของโรคร้ายได้ ถ้าใช้ควบคู่กับยาแพทย์แผนปัจจุบัน หากผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ได้รับการรักษาด้วยรังสีการ ดื่มน้ำมะรุมจะช่วยลดการแพ้รังสีช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น และมีร่างกายแข็งแรง ขณะนี้สถาบันค้นคว้า โรคมะเร็งของมหาวิทยาลัยการแพทย์จอนฮอพกินส์ ตลอดจนหน่วยงานการวิจัยหลายสถาบัน กำลังเร่งทำหารค้นคว้าด้านนี้อย่างจริงจังท่านสามารถดูรายละเอียดได้จากเว็ปไซต์ WWW.PUBMED.GOV โดยพิมพ์คำว่า MORINGA ท่านจะได้ข้อมูลการวิจัยอย่างมากมาย
7. ช่วยบรรเทาอาการปวดบวมของโรคเก๊าท์ โรคข้อและกระดูกอักเสบโรคมะเร็งในกระดูก โรครูมาติซั่ม
มีรายละเอียดบางส่วนจากการค้นคว้าด้านนี้ ในบันทึก ของ Dr.Lowell J. Fuglie และในเว็บไซต์ของหมอชาวบ้าน สำหรับกรณีของโรคเก๊าท์ และโรคไขข้ออักเสบผู้เขียนและเพื่อน ๆ ชาวต่างชาติมีประสบการณ์โดยตรง ส่วนโรคมะเร็งในกระดูกนั้นมารดาอายุ 65 ปี ของเพื่อนร่วมงานชาวพม่าเมื่อ เริ่มทานใบมะรุม ได้ 1 ปี ก็พบว่ามีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สุขภาพอยู่ในขั้นดี ไม่มีอาการทรุดโทรมเช่น ผู้ป่วยมะเร็งรายอื่น ๆ

8. ช่วยรักษาโรคตาเกือบทุกชนิด
เช่น โรคตามืดตามัวเพราะขาดสารอาหารที่จำเป็น โรคตาต้อ เป็นต้น ถ้ารับประทานสม่ำเสมอจะทำให้สายตาดีขึ้นบุตรชายของผู้เขียนรับประทานใบมะรุมนานประมาณ 1 ปีครึ่ง ก็ปรากฏว่า อาการสายตาสั้นที่เป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิมจนสังเกตได้ตัวผู้เขียนองเป็นโรคตา “กลูโคม่า” อย่างรุนแรง มีอาการน่าวิตก หลังรับประทานมะรุมอย่างต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 4 ผลปรากฏว่าดีขึ้นอย่างมาก จนแพทย์ ผู้ทำการรักษาประหลาดใจและงุนงงเมื่อทราบว่าเป็นผลมาจากการทานใบมะรุมที่ท่า นปฏิเสธที่จะให้การสนับสนุนนั่นเอง
9. รักษาโรคลำไส้อักเสบ โรคเกี่ยวกับท้อง โรคพยาธิในลำไส้
ในปี 2003 ผู้เขียนป่วยหนักด้วยโรคลำไส้อักเสบอย่างรุนแรง แพทย์ลงความเห็นว่าควร ตัดส่วนที่เป็นปัญหาทิ้งเพื่อกันการลุกลามจนอาจถึงเป็นมะเร็งได้ แต่เนื่องจากสุขภาพในขณะนั้นไม่อำนวยให้ทำการผ่าตัด ประกอบกับลำไส้ ยังอักเสบอยู่หลังจากออกจากโรงพยาบาล แพทย์ให้รับประทานยาปฏิชีวนะจนหมด และนัดให้กลับไปตรวจใหม่ แต่ด้วยความกลัวประกอบกับมารดาผู้เขียนเสียชีวิตด้วยโรคเดียวกัน หลังผ่าตัดเพียง 4 วัน ผู้เขียนจึงตัดสินใจไม่กลับไปหาหมออีก ระหว่างนั้นก็รับประทานใบมะรุมทั้งสดและแห้งรวมทั้งใบบัวบกด้วยอาการ เจ็บปวดอย่างรุนแรงก็หายไป หนึ่งปีต่อมาทางโรงพยาบาลยื่นคำขาดว่า ถ้าไม่กลับไปตรวจลำไส้อีก และถ้าหากมีการอักเสบซ้ำซ้อน ทางบริษัทประกันสุขภาพจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้เขียนจึงตัดสินใจเข้ารับการรักษาผลปรากฏว่าโรคลำไส้หายเป็นปรกติ ไมมีอาการแทรกซ้อนใด ๆ ทั้งสิ้น
10. รักษาปอดให้แข็งแรงและช่วยรักษาโรคปอดอักเสบ
จากการค้นคว้าของแพทย์หลาย ๆ ท่านและจากประสบการณ์โดยตรงของผู้เขียนที่เคยเป็นโรคปอดมาก่อน เมื่อรับประทานใบมะรุมอย่างสม่ำเสมอ รู้สึกได้ว่าสุขภาพปอดดีขึ้น

11. รักษาโรคทางเดินหายใจอักเสบ โรคโพรงจมูกอักเสบ หอบหืด และโรคภูมิแพ้
ทุกคนในครอบครัวผู้เขียนได้รับผลน่าพอใจอย่างยิ่งจากการใช้มะรุมผง โดยเฉพาะโรคภูมิแพ้ อาการภูมิแพ้ของผู้เขยลดลงจนเกือบจะหายดี หอบหืดหายไป หายใจสะดวกขึ้นจนคนใกล้ชิดสังเกตเห็นได้ในระยะแรก ๆ ของการรับประทานใบมะรุม ผู้เขียนมีอาการไอมากพอสมควร แต่เพื่อนชาวจีนได้ให้ข้อสังเกตว่า นี่คืออาการขับพิษของมะรุมเมื่อขับพิษหมด อาการไอจะหายไปเอง ในขณะเดียวกันชาวต่างชาติผู้ขายผงมะรุม ได้นำเม็ดมะรุมมาให้ทดลองรับประทานดู ปรากฏว่าอาการไอหายไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันนี้แทบจะไม่มีอาการไออีกเลย นอกจากเวลาที่อากาศเปลี่ยนแปลงมาก ๆ จะไอบ้างเล็กน้อยแต่ไม่รุนแรงนัก
12. ช่วยเชื่อมต่อกระดูกที่หักได้ผลรวดเร็ว
มีหลายกรณีที่เป็นหลักฐานพิสูจน์ได้ ก่อนที่ผู้เขียนจักเริ่มรับประทานมะรุม ขณะนั้นสุขภาพทรุดโทรมมากและหก ล้มเป็นประจำเพราะเข่า อ่อน มีครั้งหนึ่งหกล้มนิ้วเท้าหักแพทย์ผู้ทำการรักษาประเ มินผลการรักษาว่าจะหายได้ในระยะเวลา 7 – 8 เดือนเป็นอย่างน้อย โชคดีที่ผู้เขียนเริ่มรับประทานมะรุมแคปซูลอย่างสม่ำเสมอ ปรากฏว่าอาการดีขึ้น เริ่มใส่รองเท้าได้ภายใน 3 อาทิตย์ และสามารถเดินได้เป็นปรกติในระยะเวลาแค่ 3 เดือน ผู้สูงอายุหลายท่านแห่งหมู่บ้านออนท็อปออฟเดอ-เวิลร์ด เมืองโอคาล่า มลรัฐฟลอริดาและชาววัด ป่าธรรมชาติ เมืองลาพวนเต้ หลายท่านก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับกระดูกหักและใช้มะรุมช่วยรักษาเช่นเดียวกันสำหรับ ผู้เขียนเองนอกจากจะช่วยเรื่องกระดูกหักแล้ว ยังช่วยโรคกระดูกเสื่อมในผู้สูงวัยอีกด้วยคุณหมอโมนา ได้ตกลงตรวจกระดูกให้ผู้เขียนหลังจากที่ได้ขออนุญาตท่านหยุดทานแคลเซียมเป็นเวลา 8 เดือน และกลับไปเอ็กซเรย์กระดูกใหม่ ผลปรากฏว่าความหนาแน่นของกระดูกเพิ่มขึ้น 1% ถึงแม้จะเป็นอัตราส่วนที่เล็กน้อย แต่คุณโมนากล่าวว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของผู้เขียนและจากผลการตรวจ ท่านได้สั่งหยุดยารักษาโรคทุกชนิดเหลือ แต่ยาความดัน ให้มีติดตัวไว้เสมอเพื่อความไม่ประมาทส่วนยาหยอดตา ผู้เขียนยังคงใช้เป็นประจำ
13. ช่วยรักษาโรคคอหอยพอกชนิดมีพิษ
มีผลในเพศหญิงเต็ม 100% ชาย 75% ใบมะรุมผงสามารถรักษาจนผู้เขียนหายขาดจากโรคคอหอยพอก ในอดีต แพทย์ที่ให้การรักษาให้ยาเกินขนาด จนร่างกายผู้เขียนรับไม่ไหวระยะเวลาเพียง 6 เดือนน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 50 ปอนด์ ในที่สุดแพทย์ที่ทำการรักษายอมแพ้ และส่งต่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรคดูแลต่อกว่าจะถึงมือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้เขียนอาการทรุดลงมากแล้ว โรคเบาหวานเข้าแทรก โรคไขมันในเม็ดเลือด ความดันสูง โรคตับ โรคไต โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคกระเพาะ พร้อมใจกันคุกคามอย่างหนัก สายตาเสื่อมลง การหายใจผิดปรกติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คุณหมอโรเซ็นเบอร์กถึง กับส่ายหน้าเพราะไม่ทราบจะเริ่มรักษาส่วนใดก่อนดี ในระยะเริ่มแรกที่ทำการรักษา ผู้เขียนเกิดอาการโรคลำไส้แทรกซ้อนแทบเอาชีวิตไม่รอดในตอนนั้นไม่มีใครคิดว่าผู้เขียนจะรอดชีวิตมาได้ ไม่ว่าจะทำอย่างไร ดูจะสุดวิสัยแพทย์จะเยียวยาได้หลังจากออกจากโรงพยาบาล คุณหมอโรเซ็นเบิร์กตัดสินใจจะรักษาโรคคอหอยพอกก่อน ซึ่งขณะนั้นมีให้เลือก 2 ทางคือดอกมะรุม
– การผ่าตัด กรณีนี้ผู้เขียนกลัวมากเพราะมารดาเคยได้รับการผ่าตัด แบบเดียวกัน แต่โชคร้ายการผ่าตัดไม่ประสบผลเท่าที่ควรมีโรคแทรกซ้อนจนเกิดอาการทางประสาท และต้องนอนโรงพยาบาลนานถึง 2 ปี
– การใช้รังสีปรมาณู เพื่อนหลายคนของผู้เขียนได้รับการรักษาประเภทนี้ และประสบปัญหายุ่งยากทางสุขภาพ พอดีในขณะนั้นสุขภาพของผู้เขียนไม่อำนวยให้ทั้ง 2 ทางหมอจึงขอเวลา 3 เดือน

14. ใช้รักษาอาการหวัด
แก้ไอสำหรับผู้ที่มีอาการหวัด ไอเรื้อรัง มีอาการภูมิแพ้ เพราะมะรุมอุดมไปด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง จึงสามารถบรรเทาและรักษาอาการไข้หวัดและอาการไอได้
15. รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
เพียงนำใบมะรุมมากินเป็นประจำ โดยอาจนำมากินสดๆ หรือนำมาประกอบอาหารก็ได้จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเหงือกและฟัน จึงไม่ทำให้มีเลือดออกตามไรฟัน
16. ลดระดับไขมันในเลือด
การสกัดสารสำคัญจากใบมะรุมนำมาทดลองในกระต่าย 120 วัน เทียบกับยาลดไขมันโลวาสแตทินพบว่า สารในใบมะรุมมีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล phospholipids Triglycerides และ LDL ได้ และยังสามารถยับยั้งและสลายเซลล์ไขมันในหนูขาวได้ในปริมาณที่แตกต่างกันไป จากข้อมูลงานวิจัยสามารถกล่าวได้ว่า การรับประทานมะรุมสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดได้ แต่หากจะรับประทานเพื่อหวังให้เป็นยาระบายเพื่อลดน้ำหนักยังไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม
17บรรเทาอาการปวด
ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหลัง ปวดตามข้อ หรือปวดส่วนไหนของร่างกายก็ตาม มะรุมจะช่วยลดอาการปวดตามกล้ามเนื้อและกระดูกได้เป็นอย่างดี รวมถึงช่วยลดอาการอักเสบได้ดีอีกด้วย
18กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
มีสรรพคุณในการบำรุงเลือด จึงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้เป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถใช้รักษาอาการของโรคโลหิตจางได้อีกด้วย

19บำรุงร่างกาย
การรับประทานมะรุมเป็นประจำจะช่วยปรับฮอร์โมนในร่างกายให้เป็นปกติ ทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เกิดความผ่อนคลาย พร้อมทั้งช่วยซ่อมแซมร่างกายในส่วนที่สึกหรอ หรือบอบช้ำ ให้ฟื้นฟูและกลับมาทำงานได้อย่างเป็นปกติเร็วขึ้นอีกด้วย
20บำรุงผิวให้สวยใส
มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่มกระจ่างใส ผิวเนียนดูอ่อนเยาว์และปราศจากริ้วรอย ซึ่งก็เป็นการบำรุงผิวพรรณตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก เพราะฉะนั้นใครที่อยากมีผิวสวย มีสุขภาพผิวที่ดี มะรุมก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเช่นกัน
21. แก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย
นำเปลือกต้นมะรุมมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ นำมาทำเป็นลูกประคบโดยการนึ่งให้ร้อน จากนั้นนำมาประคบให้ทั่วตามบริเวณที่มีอาการปวด เพียงเท่านี้ก็จะช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้แล้ว
22. ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น
นำดอกมะรุมมาต้มกับน้ำแล้วนำมาดื่มเป็นประจำ สังเกตได้ว่า อาการนอนไม่หลับจะค่อยๆ หายไป นอนหลับได้สนิทมากกว่าเดิม

23. แก้โรคผิวหนัง
สกัดน้ำมันจากเมล็ดมะรุมนำมาใช้ทาบริเวณผิวหนังที่มีอาการ จะช่วยแก้ผิวแห้งและรักษาโรคเชื้อราบนผิวหนังได้ดี นอกจากนี้ยังทำให้ผิวพรรณมีความนุ่ม ชุ่มชื้น และมีสุขภาพผิวที่ดีขึ้นด้วย
24. ขับลม
นำเปลือกต้นมะรุมมาต้มกับน้ำสะอาด แล้วนำมาดื่มเป็นประจำเช้าเย็น เพื่อช่วยให้ขับลม ทำให้เรอ และช่วยคุมธาตุอ่อนได้
25. ช่วยให้ขับถ่ายดีขึ้น
นำเมล็ดมะรุมมาทานวันละเม็ดก่อนนอน จะช่วยแก้อาการท้องผูก และทำให้ขับถ่ายในตอนเช้าได้อย่างสม่ำเสมอ แต่เมื่อระบบขับถ่ายทำงานได้เป็นปกติแล้ว ก็ให้หยุดทานทันที
26. รักษาโรคหูน้ำหนวก
นำน้ำมันมะรุมมาหยอดหู จะช่วยบรรเทาและรักษาอาการให้ทุเลาลงจนหายเป็นปกติในที่สุด นอกจากนี้ยังช่วยฆ่าพยาธิในหู และรักษาอาการเยื่อบุหูอักเสบได้เช่นกัน

27. แก้อาการผมร่วง
นำน้ำมันมะรุม มานวดให้ทั่วศีรษะเป็นประจำ จะทำให้อาการผมร่วงลดน้อยลง พร้อมกับบำรุงรากผมให้มีความแข็งแรงมากขึ้น เป็นผลให้เส้นผมแข็งแรงมากกว่าเดิม และไม่หลุดร่วงได้ง่าย
28. รักษาแผลสดที่แผลไม่ใหญ่มาก
นำใบมะรุมมายี หรือโขลกจนละเอียด แล้วนำมาโปะไว้ที่แผลซึ่งจะช่วยรักษาแผลสดให้หายเร็วขึ้น และยังช่วยป้องกันการติดเชื้อที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกด้วย ส่วนใครที่มีน้ำมันมะรุมก็อาจใช้มาทาแผลแทนได้เหมือนกัน
29. ลดความดันโลหิต
นำใบมะรุมสดๆ มาตำคั้นน้ำผสมน้ำผึ้งกิน หรือนำยอดและรากมาต้มน้ำ ดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น สามารถช่วยลดความดันโลหิตลงได้มะรุมมีประโยชน์มาก แต่การนำมาทานเพื่อบำรุง เป็นสมุนไพร หรือยา นั้นก็ควรระวังตามที่แนะนำตามข้างบนนะครับCr. medthai.com, karatbarsaec.com, herbalssak, honestdocs.co
ถ้านอนหลับยาก นอนไม่ค่อยหลับ ปวดเมื่อยอ่อนเพลีย หมดแรงง่าย แนะนำ..โปร-เอ็กบี Pro-xB..สกัดจากธรรมชาติ เห็นผลดีขึ้นตั้งแต่สัปดาห์แรก ผู้ที่เป็นเบาหวาน ความดัน ไทรอยด์ ทานได้ดี..