อาการของโรคนอนไม่หลับ
โรคนอนไม่หลับมีอาการสำคัญ ดังนี้
- นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ใช้เวลานานกว่าจะนอนได้
- หลับยาก นอนดึก ตื่นสาย
- นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ รู้สึกตัว ตื่นขึ้นกลางดึก
- ตื่นแล้วไม่สามารถนอนหลับต่อไปได้อีก
- อ่อนล้า หมดแรง ไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า
- ง่วงนอนตลอดเวลาในตอนกลางวัน นอนไม่หลับในตอนกลางคืน
- ร่างกายอ่อนเพลีย ต้องการการพักผ่อน แต่ก็ยังนอนไม่หลับ หลับยาก
- ไม่มีสมาธิ ทำงานผิดพลาด ความจำไม่ดี

ผลกระทบนอนไม่หลับ
1. คุณภาพชีวิตที่ดีลดลง
2. อัตราของการขาดงานเพิ่มขึ้น
3. ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
4. ความสามารถในการดำเนินชีวิตลดลง
5. อาจเกิดประสบอุบัติเหตุได้ง่าย ซึ่งมีรายงานว่า หากขับรถ โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 2.5 เท่า
6. มีการใช้บริการทางแพทย์สูงขึ้น อันเนื่องมาจากปัญหาด้านสุขภาพ เช่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เฉื่อยชา รู้สึกไม่สดชื่น หงุดหงิด ขาดสมาธิ เป็นต้น
7. การนอนไม่หลับ ในผู้ที่เคยป่วยเป็นโรคทางจิตเวช มีรายงานพบว่าอาจเสี่ยงต่อการเป็นซ้ำอีก รวมถึงเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงขึ้นในผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าด้วย

อาการที่พบในโรคนอนไม่หลับถึงตาย ได้แก่
1. อาการนอนไม่หลับที่มีอาการรุนแรงมากขึ้น
2. อาการฝันเด่น (vivid dreams)
3. ความดันโลหิตสูง
4. หายใจเร็ว
5. มีน้ำตามาก(teary eyes) โดยที่ไม่ได้เกิดจากการร้องไห้
6. มีปัญหาในการขับปัสสาวะ
7. สูญเสียการประสานงาน หรือการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย

6 โรคอันตราย ที่มาจาก “นอนไม่พอ”
1. ระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย ทำงานผิดปกติ
เรื่องนี้ค่อนข้างกว้าง เราจึงไม่สามารถระบุได้โรคเดียว แต่ถ้าให้อธิบาย คือการนอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายฟื้นฟู ซ่อมแซม ปรับระบบการทำงานได้ไม่ดีพอ ทำให้ระบบย่อยอาหารในกระเพาะอาหารทำงานผิดปกติ ยิ่งใครอยู่ดึกแล้วทานอาหารตอนดึกๆ ด้วยแล้ว การทานอาหารไม่เป็นเวลาก็ทำร้านสุขภาพกระเพาะอาหาร และระบบย่อยอาหารอื่นๆ ได้เหมือนกัน
เมื่อระบบย่อยอาหารรวน ก็จะทำให้มีอาการ อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ บางรายมีแก๊สในกระเพาะอาหารเยอะเกินไป อาจมีอาการปวดท้องแบบจุกเสียดได้เช่นกัน นอกจากนี้ผลร้ายยังส่งต่อมาที่ระบบขับถ่าย ที่จะทำให้ขับถ่ายไม่เป็นเวลา ท้องผูก หรือบางครั้งก็ท้องเสียได้
2. โรคอ้วน
นอกจากการทานอาหารตอนดึกๆ ที่หลายคนทานเพราะหิวในช่วงเวลาปั่นงาน อ่านหนังสือ หรือดูซีรี่ส์ตอนดึกๆ แล้ว การนอนหลับไม่เพียงพอยังส่งผลให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายรวนไปด้วย เลยกลายเป็นว่าทานเท่าเดิม แต่เผาผลาญได้น้อยกว่าเดิม พลังงานสะสมจนทำให้น้ำหนักเกินมาตรฐาน กลายเป็นโรคอ้วนได้ เรียกง่ายๆ ว่าทานนิดเดียวก็อ้วนนั่นเอง ใครที่เคยสงสัยว่าทานเหมือนเพื่อน แต่ทำไมอ้วนอยู่คนเดียว ลองสังเกตตัวเองดูว่านอนหลับไม่เพียงพอหรือเปล่า
3. โรคเบาหวาน
การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อโรคเบาหวานได้เช่นกัน (โดยเฉพาะคนที่มีความเสี่ยง เช่น มีคนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน ก็ยิ่งเสี่ยงหนัก) เพราะหากเรานอนไม่เพียงพอ ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด และอินซูลิน ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อภาวะดื้ออินซูลินอีกด้วย ใครที่ยังไม่เป็นให้ระวัง ใครที่เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว ยิ่งต้องระวัง เพราะส่งผลกระทบต่อการรักษาอย่างมาก
4. โรคนอนไม่หลับ
แน่นอนว่าเมื่อเราไม่ได้ทานข้าวให้เป็นเวลา เราก็เป็นโรคกระเพาะอาหาร หากเรานอนไม่เป็นเวลา เราก็เสี่ยงเป็นโรคนอนไม่หลับเช่นเดียวกัน แทนที่ถึงเวลานอน เราควรจะง่วง กลับไม่ง่วง และกว่าจะหลับได้ในแต่ละคืนช่างยากเย็น บางคนอาจลุกเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง ทำให้นอนหลับๆ ตื่นๆ นอกจากร่างกายจะเหนื่อยล้าสะสมจากการนอนไม่เพียงพอแล้ว ยังอาจเกิดความเครียดสะสม จนทำให้ยิ่งนอนไม่หลับเข้าไปกันใหญ่
5. โรคหลอดเลือดหัวใจและความดันโลหิตสูง
โรคเริ่มอันตรายและร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ การที่เรานอนหลับไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้มีสารโปรตีนเข้ามาเกาะสะสมที่หัวใจมากขึ้น จนทำให้เกิดอาการเส้นเลือดอุดตันได้ แถมยังมีโอกาสที่ความดันโลหิตจะพุ่งสูงขึ้น จนเสี่ยงโรคอื่นๆ ตามมาอีกเพียบ ทั้งเส้นเลือดในสมองตีบ หรือแตก ที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว
6. โรคมะเร็งลำไส้
สุดท้ายเป็นโรคที่ใครหลายคนไม่อยากเป็น นั่นคือมะเร็ง และโดยเฉพาะวัยรุ่น วัยหนุ่มสาว วัยทำงานที่ใช้ชีวิตคนเมือง ยิ่งมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้มากขึ้นทุกวัน เพราะมักจะทานอาหารไม่ตรงเวลา ละเลยมื้อเช้า ทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ หรือมีคุณค่าทางสารอาหารไม่เพียงพอ ขาดการออกกำลังกาย แถมยังนอนหลับไม่เพียงพออีกต่างหาก ส่งผลให้ระบบการทำงานจองลำไส้ผิดปกติ จนอาจกลายเป็นลำไส้อุดตัน และลุกลามจนกลายเป็นมะเร็งในที่สุด
7. โรคซึมเศร้า
8. โรควิตกกังวล
9. พฤติกรรมการใช้ยาในทางที่ผิดหรือใช้สารเสพติด
นอนไม่หลับ คืออะไร?
หลับยาก ใช้เวลามากกว่า 30 นาทียังไม่หลับ หลับไม่ลึก ฝันบ่อย หลับไม่สนิทและระยะเวลาการนอนหลับลดลง ตื่นบ่อย ตอนกลางคืนตื่นเกินกว่า 2 ครั้งและหลับต่อยาก ตื่นเช้าเกิน เมื่อตื่นแล้วรู้สึกไม่สดชื่น รู้สึกตนเองฝันอยู่ทั้งคืน ตื่นง่าย มีเสียงรบกวนเพียงนิดเดียวก็ตื่น คุณภาพการนอนไม่ดี เวลานอนเพียงพอ แต่ตื่นขึ้นมารู้สึกไม่สดชื่น อ่อนเพลียในวันรุ่งขึ้น ง่วงและเพลียเมื่อเวลาทำงาน รู้สึกมึนๆ งงๆ สมองไม่ปลอดโปร่ง หากมีอาการดังกล่าวเกิน 1 เดือนให้ถือว่าเป็นอาการนอนไม่หลับชนิดเรื้อรัง ควรหาสาเหตุและรักษาแต่เนินๆ


- การหลับสนิทในช่วง 3 ทุ่ม – 5 ทุ่ม : จะช่วยให้ระบบน้ำเหลืองขับของเสียได้ดีขึ้น พร้อมทั้งเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้นด้วย
- การหลับสนิทในช่วง 5 ทุ่ม – ตี 1 : จะช่วยให้ตับขับของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระตุ้นให้เซลล์ผิวซ่อมแซมตัวเองและมีการผลัดเซลล์ใหม่เร็วกว่าปกติถึง 8 เท่า
- การหลับสนิทในช่วงเที่ยงคืน – ตี 4 : จะช่วยให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การหลับสนิทในช่วงตี 1 – ตี 3 : จะกระตุ้นให้ถุงน้ำดีขับพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การหลับสนิทในช่วงตี 3 – ตี 5 : จะส่งเสริมให้ปอดขับพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยปกติ คนเรามีชั่วโมงการนอนที่แตกต่างกันตามช่วงอายุ โดยจำนวนชั่วโมงที่เหมาะสมสำหรับการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอในแต่ละวัยเป็นดังนี้
- เด็กแรกเกิด: 14-17 ชั่วโมงต่อวัน
- อายุ 1 ปี: 14 ชั่วโมงต่อวัน
- อายุ 2 ปี: 12-14 ชั่วโมงต่อวัน
- อายุ 3-5 ปี: 10-13 ชั่วโมงต่อวัน
- อายุ 6-13 ปี: 9-11 ชั่วโมงต่อวัน
- อายุ 14-17 ปี: 8-10 ชั่วโมงต่อวัน
- ผู้ใหญ่: 7-9 ชั่วโมงต่อวัน
ส่วนผู้สูงอายุจะมีชั่วโมงการนอนที่สั้นลง เพราะร่างกายสามารถผลิตสารที่ช่วยให้นอนหลับได้ลดน้อยลง

สาเหตุของการนอนไม่หลับ
1. สาเหตุของการนอนไม่หลับที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของจิตใจ (Psychologic Causes of Insomnia) จากการเก็บข้อมูลพบว่าผู้ป่วยที่มีอาการนอนไม่หลับส่วนใหญ่มักเกิดจากอาการที่ส่งผลกระทบต่อเรื่องของจิตใจ อาทิ โรคเครียด โรคซึมเศร้า โดยผู้ป่วยกลุ่มนี้ถึงร้อยละ 70 จะมีอาการนอนไม่กลับเป็นอาการหลักๆ
2. สาเหตุของการนอนไม่หลับที่มีปัจจัยที่เข้าไปกระตุ้นให้เกิดการนอนไม่หลับ (Precipitating Factors of Transient Insomnia) ซึ่งมักจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นชั่วคราว อาทิ
- Adjustment Sleep Disorder เป็นภาวะนอนไม่หลับที่เกิดจากสิ่งกระตุ้นที่เพิ่งเกิด เช่น ผลจากความเครียด , การเจ็บป่วย , การผ่าตัด , การสูญเสียของรัก , เรื่องงาน ซึ่งเมื่อใดที่สิ่งกระตุ้นเหล่านี้หาย อาการนอนไม่หลับจะกลับสู่สภาวะปกติ
- Jet Lag มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เดินทางบินข้ามเขตเวลา ทำให้ร่างกายต้องเปลี่ยนเวลานอนจนปรับตัวไม่ทัน เป็นเหตุให้นอนหลับยาก
- Working Conditions เป็นผลมาจากการที่ต้องเข้างานเป็นกะ ทำให้นาฬิกาชีวิตเสียไป จนทำให้ต้องนอนไม่เป็นเวลา
- Medications อาการนอนไม่หลับที่เกิดจากการใช้ยา หรือเครื่องดื่ม เช่น ยาลดน้ำมูก , กาแฟ
3. สาเหตุของการนอนไม่หลับที่เกิดจากโรค (Medical and Physical Conditions) ซึ่งบางโรคก็เป็นเหตุที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ อาทิ
- โรคบางโรคเมื่อขณะเกิดจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการนอนไม่หลับ เช่น โรคหอบหืด , โรคหัวใจวาย , โรคภูมิแพ้ , โรคสมองเสื่อม , โรคพาร์คินสัน , โรคคอพอกเป็นพิษ
- ผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน Progesteron เมื่อฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้นก็จะทำให้ง่วงนอนในช่วงไข่ตก แต่ในช่วงที่ประจำเดือนใกล้มาจะมีฮอร์โมนน้อย อาจทำให้มีอาการนอนไม่หลับ อีกทั้งเมื่อคุณสาวๆ กำลังตั้งครรภ์ในระยะแรกๆ และระยะใกล้คลอดก็จะมีอาการนอนไม่หลับเช่นกัน เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน รวมถึงช่วงแรกของผู้หญิงเมื่อเข้าสู่วัยทอง ก็จะมีอาการนอนไม่หลับเช่นกัน
- การเปลี่ยนเวลานอน Delayed Sleep-Phase Syndrome ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ อาทิ เมื่อถึงเวลานอนแต่ไม่ได้นอน ทำให้ร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ทัน
4. สาเหตุของการนอนไม่หลับที่เป็นปัจจัยเสริม (Perpetuating Factors) มีหลายภาวะที่เสริมส่งให้การนอนไม่หลับเกิดได้ง่ายมากขึ้น
- Psychophysiological Insomnia เกิดจากการนอนก่อนเวลาทำให้นอนไม่หลับ เรียกว่า Advanced sleep phase Syndrome ทำให้คนๆ นั้นพยายามที่จะต้องนอนให้หลับ กระสับกระส่าย พลิกตัวไปมา ไม่ผ่อนคลายจนเกิดการสะสมแล้วกลายเป็นความเครียด โดยผู้ป่วยในกลุ่มนี้จะมีลักษณะชีพจรเต้นเร็ว ตื่นง่าย อุณหภูมิร่างกายจะสูงกว่าปกติ
- นอนไม่หลับจากสารบางชนิด อาทิ สุรา กาแฟ ซึ่งการดื่มกาแฟ หรือสุราในช่วงกลางวันถึงกลางคืนอาจจะทำให้นอนไม่หลับ ถ้าไม่นับรวมว่าการดื่มสุราแค่เพียงจิบ หรือเพียงเล็กน้อยก่อนนอนจะช่วยลดความเครียด ทำให้นอนได้หลับดีขึ้นได้ แต่ถ้าหากดื่มมากเกินไปก็จะทำให้หลับได้ไม่นาน ตื่นง่าย เมื่อถึงช่วงอดสุราก็จะมีปัญหาหลับยาก รวมถึงผู้ที่สูบบุหรี่จะนอนหลับประมาณ 3 - 4 ชั่วโมงแล้วตื่น อันเนื่องมาจากมีระดับ Nicotin ที่ลดลง
- ระดับ Melatonin ลดลง ส่วนใหญ่ Melatonin จะมีมากในเด็กและลดลงในวัยผู้ใหญ่หลังช่วงอายุ 60 ปี มีส่วนให้เกิดอาการนอนหลับยาก
- ปัจจัยจากแสงก็มีส่วนให้เกิดอาการนอนหลับยาก จากความรู้เบื้องต้นว่าแสงจะกระตุ้นให้ร่างกายเราตื่น ถึงแม้ว่าจะหรี่แสงลงแล้วก็ตาม
- การนอนไม่หลับในวัยเด็ก พ่อแม่ให้เวลานอนลูกไม่สม่ำเสมอจะทำให้เด็กนอนไม่หลับในตอนโต
- การออกกำลังกายในช่วงก่อนนอนและการทำงานที่ทำให้เกิดความเครียดในช่วงก่อนนอน
- การนอนและการตื่นที่ไม่เป็นเวลา
- สิ่งแวดล้อมภายในห้องนอนไม่เหมาะสม เช่น มีอุณหภูมิที่ร้อน หรือหนาวจนเกินไป เสียงดังเกินไป รวมถึงลักษณะการนอนของคนใกล้ชิด อย่าง นอนดิ้น หรือนอนกรน เป็นต้น
การวินิจฉัยโรคนอนไม่หลับ
- การวินิจฉัยด้วยตนเอง สามารถทำได้โดยสังเกตและบันทึกพฤติกรรมการนอนในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เช่น นอนยากหรือไม่ ต้องใช้เวลานานเกินกว่า 30 นาทีเพื่อนอนให้หลับ หรือตื่นขึ้นกลางดึกแล้วไม่สามารถกลับไปนอนหลับได้อีก มีสภาพแวดล้อมที่รบกวนในขณะนอนหรือไม่ มีเรื่องให้คิดรบกวนจิตใจหรือไม่ และมีอาการอ่อนเพลียเหนื่อยล้ามากผิดปกติในเวลากลางวันหรือไม่
- การวินิจฉัยโดยแพทย์ แพทย์จะซักถามประวัติการนอนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หาสาเหตุทางด้านร่างกาย เช่น มีโรคประจำตัว หรือมีการเจ็บป่วยอื่นด้วยหรือไม่ นอนกรนหรือไม่ และหาสาเหตุทางด้านจิตใจ เช่น มีความเครียด อยู่ในภาวะซึมเศร้า หรือมีความวิตกกังวลใดอยู่หรือไม่ เพื่อหาแนวทางการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป

วิธีแก้โรคนอนไม่หลับ
โรคนอนไม่หลับแบบชั่วคราว
ถ้าคุณมีอาการนอนไม่หลับติดกัน 1-2 สัปดาห์ คุณอาจเป็นโรคนอนไม่หลับแบบชั่วคราว (Transient Insomnia) อาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น
- กังวลเหตุการณ์ในอนาคต เช่น การสัมภาษณ์งาน การย้ายงาน
- มีความเครียดหลังจากการสัมภาษณ์งาน การนำเสนองาน
- การไม่เคยชินกับการนอนในที่ใหม่ๆ
- รูปแบบการนอนในวันทำงานที่แตกต่างจากการนอนวันหยุดสุดสัปดาห์

วิธีแก้ไข
1. คิดแง่บวก
2. ลองนั่งสมาธิบ้าง
3. ออกกำลังกายบ้าง
4. ลองปรับตัวให้นอนเป็นเวลามากขึ้น และถ้าง่วงนอนระหว่างวัน ให้นอนหลับสั้นๆไม่เกิน 1 ชั่วโมง
ซึ่งอาการนอนไม่หลับแบบชั่วคราวนี้ พบได้มากกับคนส่วนใหญ่ และรักษาบำบัดได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งยานอนหลับแต่อย่างใด เช่น การทานอาหารเสริม โปร-เอ็กบี Pro-xB สารสกัดธรรมชาติ บำรุงสมองจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งยานอนหลับแต่อย่างใด
การพึ่งยานอนหลับเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และมีหลายๆคนยังไม่รู้ว่า การทานยานอนหลับไม่ใช่วิธีรักษาให้ได้ผลดีในระยะยาว เพราะยานอนหลับไม่ได้ทำให้หลับลึกหรือหลับสนิท หลังจากยานอนหลับเข้าสู่กระแสเลือดจะทำให้เกิดอาการง่วงซึม หากมีฤทธิ์ยาตกค้างในกระแสเลือด ก็จะง่วงต่อไปอีกหลายวัน บางคนเหม่อลอยหรือหลับใน เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนหรือระหว่างทำงานได้ง่าย

โรคนอนไม่หลับแบบฉับพลันหรือระยะสั้น
ถ้าุคุณนอนไม่หลับนานหลายสัปดาห์ แต่ไม่เกิน 3 เดือน คุณอาจเป็น โรคนอนไม่หลับ แบบฉับพลันหรือระยะสั้น (Acute or Short Term Insomnia) เกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น
- ปัญหาสุขภาพ เช่น ตื่นไปเข้าห้องน้ำเป็นประจำทุกคืน มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ มีอาการกรน ละเมอบ่อยๆ มีอาการปวดเมื่อยร่างกาย
- รู้สึกเครียดและเบื่อหน่ายกับปัญหาใหญ่ๆที่ต้องหาทางแก้ไข
- ประสบปัญหาชีวิตการสูญเสียคนใกล้ชิด เช่น การเสียชีวิตหรือการแยกทางกัน

วิธีแก้ไข
แก้ปํญหาที่ต้นเหตุของโรค เพราะการนอนไม่หลับแบบระยะสั้นนี้ยังสามารถบำบัดให้ดีขึ้นได้ ถ้าคุณรู้แน่ชัดว่า อะไรคือตัวการสำคัญที่ขัดขวางการนอนหลับของคุณ เช่น
1. ตื่นไปเข้าห้องน้ำเป็นประจำ ก็ให้ลองกินน้ำเพิ่มขึ้นในระหว่างวันแทนที่จะกินก่อนเข้านอน
2. ถ้ากรนบ่อยๆ ก็ลองหาอุปกรณ์วัดหรือแทรกคุณภาพการนอนหลับมาช่วย จะช่วยให้เข้าใจตัวเองและลดความกังวลได้อีกด้วย
3. กังวลกับปัญหาในชีวิต ลองปล่อยวางเรื่องที่กังวลอยู่ ให้สมองได้หยุดคิดถึงบ้าง ซึ่งนอกจากจะช่วยทำให้นอนหลับดีขึ้นแล้วยังจะช่วยแก้ปัญหาที่คุณกำลังหาทางแก้ไขอยู่ได้ เพราะการที่สมองได้หยุดคิด สลับคิด จะทำให้ผ่อนคลายและคิดเรื่องต่างๆได้ดีขึ้น
โรคนอนไม่หลับแบบเรื้อรัง
ถ้าุมีอาการนอนไม่หลับมากกว่า3เดือนหรือเป็นปี คุณอาจเป็นโรคนอนไม่หลับแบบเรื้อรัง (Chronic Insomnia) เกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น
- สภาพแวดล้อมในการนอนที่ไม่ดี
- ช่วงเวลาการนอนไม่สม่ำเสมอ เช่น ทำงานกลางคืน มีอาการJet lag มีปาร์ตี้ดึกเป็นประจำ
- จ้องหน้าจอโทรทัศน์และสมาร์ทโฟนก่อนนอนเป็นประจำ
- มีปัญหาสุขภาพที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น ภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง โรคหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคกรดไหลย้อน โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหอบหืด ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ โรคไมเกรน โรคพาร์กินสันและอัลไซเมอร์ โรคไทรอยด์เป็นพิษ โรคข้ออักเสบ มีแผลในสมอง เนื้องอก โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง
- มีความเครียดและความวิตกกังวลสะสมมานาน
- เซลล์อวัยวะเสื่อมสภาพจากอายุที่มากขึ้นหรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ใช้ยาเสพติด อดนอน ทานอาหารไม่มีประโยชน์

วิธีแก้ไข
ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ส่งผลต่อการนอนหลับโดยตรง เช่น
1. ลองจัดเตียงใหม่ให้น่านอน ทำให้ห้องนอนมืดสนิท
2. ปรับเวลาการนอนให้เป็นเวลามากขึ้น
3. ก่อนนอนไม่ควรเล่นมือถือ ทำงาน หรือดูทีวี เพราะ แสงสีฟ้าจากหน้าจอโทรทัศน์หรือสมาร์ทโฟน ส่งผลให้ต่อมไพเนียลบริเวณส่วนกลางของสมองลดการสังเคราะห์ฮอร์โมนเมลาโทนินธรรมชาติที่ช่วยให้หลับง่าย
4. ควรทำกิจกรรมคลายเครียดมากกว่าการใช้สมองอย่างหนักก่อนเข้านอน
5. ลดคาเฟอีน
6. ลดบุหรี่
7. ลดการดื่มแอลกอฮอล์ใกล้เวลานอน
ไม่ว่าจะเป็นโรคนอนไม่หลับแบบไหน ท่องจำขึ้นใจไว้ได้เลยว่า สามารถนอนหลับได้เองโดยไม่ต้องพึ่งยานอนหลับ แม้จะต้องใช้ระยะเวลาค่อยเป็นค่อยไป อาจไม่เห็นผลรวดเร็วในบางท่าน แต่ปลอดภัยและให้ผลที่ดีไปยาวนาน สุดท้ายคุณจะนอนหลับได้อย่างมีคุณภาพและมีสุขภาพที่แข็งแรง
สมุนไพรนอนหลับดี
ขี้เหล็ก
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Senna siamea (Lam.) Irwin & Barnebyชื่อสามัญ : Cassod tree, Thai copper podเปลือก แก่นและใบ มี anthraquinone glycoside เช่น rhein, aloe-emodin, Chrysophanol และ Sennoside ดอกมีสารพวก chromone ชื่อ Barakol และสารขมชื่อ cassiamin
สรรพคุณ
- ดอก
- รักษาโรคเส้นประสาท นอนไม่หลับ ทำให้หลับสบาย
- รักษาหืด รักษาโรคโลหิตพิการ ผายธาตุ
- รักษารังแค ขับพยาธิ
- ราก รักษาไข้ รักษาโรคเหน็บขา ทาแก้เส้นอัมพฤกษ์ให้หย่อน แก้ฟกช้ำ แก้ไข้บำรุงธาตุ ไข้ผิดสำแดง
- ลำต้นและกิ่ง เป็นยาระบาย รักษาโรคผิวหนัง แก้โรคกระษัย แก้นิ่ว ขับปัสสาวะ ขับระดูขา
- ทั้งต้น แก้กระษัย ดับพิษไข้ แก้พิษเสมหะ รักษาโรคหนองใน รักษาอาการตัวเหลือง เป็นยาระบาย บำรุงน้ำดี ทำให้เส้นเอ็นหย่อน
- เปลือกต้น รักษาโรคริดสีดวงทวาร โรคหิด แก้กระษัย ใช้เป็นยาระบาย
- แก่น
- รักษาโรคเบาหวาน รักษาโรคหนองใน ใช้เป็นยาระบาย
- รักษาวัณโรค รักษามะเร็งปอด ปอดอักเสบ มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะอาหาร
- ใบ
- รักษาโรคบิด โรคเบาหวาน แก้ร้อนใน รักษาฝีมะม่วง
- รักษาโรคเหน็บชา ลดความดันโลหิตสูง ขับพยาธิ เป็นยาระบาย
- รักษาอาการนอนไม่หลับ
- ฝัก แก้พิษไข้เพื่อน้ำดี พิษไข้เพื่อเสมหะ แก้ลมขึ้นเบื้องสูง เบื้องบน โลหิตขึ้นเบื้องบน ทำให้ระส่ำระสายในท้อง
วิธีและปริมาณที่ใช้
- แก้อาการนอนไม่หลับ กังวล เบื่ออาหาร
ใช้ใบแห้งหนัก 30 กรัม หรือใบสดหนัก 50 กรัม ต้มเอาน้ำดื่มก่อนนอน หรือใช้ใบอ่อนทำเป็นยาดองเหล้า (ใส่เหล้าขาวพอท่วมยา แช่ไว้ 7 วัน คนทุกวันให้น้ำยาสม่ำเสมอ กรองกากยาออก จะได้น้ำยาดองเหล้าขี้เหล็ก) ดื่มครั้งละ 1-2 ช้อนชา ก่อนนอน
- แก้อาการท้องผูก เป็นยาระบาย ยาถ่าย
ใช้ใบอ่อน 2-3 กำมือ หรือแก่นขนาดประมาณ 2 องคุลี ใช้ 3-4 ชิ้น ใช้ใบอ่อนหรือแก่ต้มกับน้ำ 1-1½ ถ้วยแก้ว เติมเกลือเล็กน้อย ดื่มเมื่อตื่นนอนเช้า หรือก่อนอาหารเช้าครั้งเดียว

ชุมเห็ดไทย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Senna tora (L.) Roxb. ชื่อพ้อง : Cassia tora L.ชื่อสามัญ : Foetid Cassia
- เมล็ด พบ anthraquinone, emodin chrysarobin, chrysophanic acid-9-anthrone, chrysophanol Rhein aloe-emodin
- น้ำมันจากเมล็ด พบ linoleic acid, oleic acid, palmitic acid, stearic acid
- ใบ พบ chrysophanic acid, emodin และ 1, 68, -trihydroxy-3 methl anthraquinone
สรรพคุณ
- เมล็ด – ทำให้ นอนหลับ ได้ดี แก้กระษัย ขับปัสสาวะพิการได้ดี เป็นยาระบายอ่อนๆ รักษาโรคผิวหนัง
- ทั้งต้น – ปรุงเป็นยาแก้ไข้ ขับพยาธิในท้องเด็ก รับประทานเป็นยาระบายอ่อนๆ และแก้ไอ แก้เสมหะ แก้หืด คุดทะราด
- ใบ – เป็นยาระบาย
- ผล – แก้ฟกบวม
วิธีและปริมาณที่ใช้
- ทำให้ง่วงนอน และ นอนหลับ ได้ดี
ใช้เมล็ดชุมเห็ดไทย คั่วให้ดำเกรียมเหมือนเมล็ดกาแฟ แล้วทำเป็นผง ชงน้ำร้อนอย่างปรุงกาแฟ ดื่มหอมชุ่มชื่นใจดี ไม่ทำให้หัวใจสั่น ให้คนไข้ดื่มต่างน้ำ
- เป็นยาระบายอ่อนๆ
ใช้ใบหรือทั้งต้น ประมาณ 1 กำมือ 15- 3 กรัม เมล็ด 1 หยิบมือ 5- 10 กรัม ต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้ว เติมกระวาน 2 ผล เพื่อกลบรสเหม็นเขียวและเกลือเล็กน้อย ดื่มก่อนอาหารเช้า ส่วนเมล็ดคั่วให้เหลือง ใช้ชงเป็นน้ำชาดื่ม
พวงชมพูดอกขาว
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Antigonon leptopus Hook & Arn.ชื่อสามัญ : Chain of love, Confederate Vine, Coral vine
สรรพคุณ : เป็นยากล่อมประสาท ทำให้ นอนหลับ
วิธีและปริมาณที่ใช้ : ใช้เถา 1 กำมือ หรือราก 1/2 กำมือ ต้มกับน้ำ 4 ถ้วยแก้ว ต้มให้เหลือ 2 ถ้วยแก้ว รับประทานครั้งละ 3 ช้อนแกง ก่อนนอน
การนอนหลับสนิทสำคัญต่อสุขภาพ เพราะร่างกายจะใช้เวลาช่วงนี้ซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ร่างกายได้ใช้มาตลอดทั้งวัน และเตรียมความพร้อม เพื่อวันใหม่ต่อไป..สังเกตได้จากการตื่นนอนแล้วสดชื่น..Cr. sanook.com, honestdocs.co, bangkokhospital.com, pobpad.com, mthai.com
ถ้านอนหลับยาก นอนไม่ค่อยหลับ ขอแนะนำ...โปร-เอ็กบี: Pro-xB..คลิ๊กเลย! สกัดจากธรรมชาติ เห็นผลดีขึ้นตั้งแต่สัปดาห์แรก..